สวัสดีเพื่อนๆในพันทิปที่เข้ามาดูกระทู้นี้ทุกท่านนะคะ เรามีเรื่องอยากขอคำปรึกษา และขอความเห็นของเพื่อนๆในพันทิป เพื่อเอามาเป็นความรู้เพิ่มเติม รวมถึงใช้เป็นข้อมูลค่ะ
เริ่มเรื่องตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ คือเราโดนบริษัทประกันบริษัทนึงโทรเข้ามาหาทางมือถือ และเอาเสียงที่บันทึกผ่านการสนทนาของเรา ไปสมัครประกันภัยค่ะ ย้อนกลับไปตอนที่ทางบริษัทประกันนี้โทรเข้ามาหา ก็บอกประมาณว่าเป็นบริษัทประกันภัย เราได้สิทธิ์ประกันนี้จากการเป็นลูกค้าของ กรุงศรีเฟิร์สช้อยนะ คุณจะสมัครไหม แล้ว ณ ตอนนั้นเราทำงานอยู่ไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยอะไรนานๆ ก็ได้บอกกลับไปนะว่าเดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่ได้ไหมเรายังไม่ค่อยสะดวก ( เราทำงานเป็น operator ค่ะต้องรับสายตลอดนี่คือสาเหตุที่บอกว่าไม่สะดวก ) จนท.ท่านนั้นก็พยายามอธิบายแบบน่ารำคาญสุดๆ เอาตรงๆเราก็ไม่ได้สนใจฟัง และเท่าที่จำได้เราก็บอกไปนะว่าไม่ทำ แต่ จนท. ท่านนี้เซ้าซี้ น่ารำคาญสุดๆค่ะ แล้วเริ่มพูดจากับเราไม่ดีพูดมาประมาณว่านี่เป็นสิทธิพิเศษของคุณนะ คุณไม่อยากได้เหรอ แล้วก็พูดมาว่าตกลงคุณจะทำหรือไม่ทำ พูดมาแค่ว่าทำ หรือ ไม่ทำ ด้วยความที่เรารำคาญสุดๆก็เลยพูดไปว่า
"เออๆทำ " แล้วก็เราตัดสายไป
ด้วยความที่เราเข้าใจมาตลอดว่าการทำธุรกรรม หรือเอกสารอะไรพวกนี้ ถ้าเราไม่ได้เซ็นลายมือเราลงไป ก็ไม่ทางที่การทำสัญญานั้นๆจะถือเป็นสมบูรณ์ แล้วเราก็รู้นะที่คุยกับ จนท. ท่านนั้นมีการอัดเสียงสนทนาไว้ แล้วเราก็ตัดสายทิ้งไป หลังจากวันนั้นที่คุยเราก็เลยไม่ได้สนใจเพราะก็คิดว่าเออเราไม่ได้เซ็นเอกสารไรให้ เราก็ปล่อยผ่านไป เป็นเวลาเกือบ 3 ปีได้ ที่เราถูกหักตังค์ทุกเดือนๆ เป็นจำนวนเงิน 396 บาท โดยที่เข้าใจมาตลอดว่าเป็นค่าทำเนียม ของบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อย จนมาเมื่อวานได้มาดูอย่างละเอียดเพราะเราได้ทำการโปะบัตรจนเรียบร้อยแล้ว แล้วทำไมยังมีบิลมาเก็บค่าอะไรอีกก็เลยตรวจสอบดู จนมาถึงบางอ้อให้แฟนช่วยดูบิล แฟนมาถามว่าเราเคยได้ไปทำประกันอะไรไหม มันเขียนในบิลว่าค่า KGIB_CIGNA. Insurance Pcl_PA
เราก็งง มานั่งนึกอยู่พักนึงเลยนึกออกว่าเออเคยคุยกับ จนท. นึงไว้ทางโทรศัพท์ ก็เลยรีบโทรไป คอลเซ็นเตอร์กรุงศรีเฟิร์สช้อย จนท. คอลเซ็นเตอร์ก็บอกมาประมาณว่าไม่เกี่ยวกับทางเค้านะ ให้โทรไปที่บริษัทประกันนี้เลยวันเสาร์ยังทำงานอยู่เราก็โทรไปบริษัทประกันต่อทันที ก็คุยกับทางคอลเซ็นเตอร์คร่าวๆก็ขอคุยกับทางหัวหน้าส่วนงานนั้นหน่อย ขอชื่อ จนท. ที่โทรมาหาเราวันนั้นหน่อย ก็ได้ชื่อมา เราก็เลยถาม จนท. คอลเซ็นเตอร์ไปว่าแค่คุยทางโทรศัพท์ถึงกะเอาไปสมัครประกันให้เราเองเลยหรอ เพราะวันที่ จนท. คนนั้นโทรมาเราก็บอกไปนะว่าไม่อยากทำ คุยไปคุยมาเจอประเด็นที่ทำให้เรา งง + โมโห + ไม่เข้าใจหนักมาก คือ เราถามไปว่าแล้วกรมธรรม์ ส่งมาบ้านเลขที่เท่าไหร่ จนท. คอลเซ็นเตอร์ ตอบกลับมาว่าเป็นบ้านเลขที่ 12 บลาๆ เราเลยถามซ้ำไปว่าแน่ใจนะว่าเป็นบ้านเลขที่ 12 จนท. ก็บอกว่าใช่ "เราเลยตอบไปว่าบ้านเลขที่ผิด" แล้วไม่ใช่บ้านเลขที่ของเรา ทั้งในบัตรประชาชน แล้วก็ในทะเบียนบ้านเลย ที่สำคัญ "กรมธรรม์ " ไม่เคยส่งมาถึงตัวเราเลย แล้วทางบริษัทก็บอกว่ารับทราบว่ากรมธรรม์ตีกลับไปทางบริษัท แต่กลับเพิกเฉย แล้วคุณหักตังค์เราไปทุกเดือน จนท. ไม่เอะใจบ้ลงหรอไม่คิดจะติดต่อ ลูกค้ากลับมาบ้างหรอ
เราเลยขอชื่อน้อง จนท. คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงขอชื่อ จนท.ประกันที่โทรมาหาเรา กับหัวหน้าเค้าด้วย แล้วน้องคอลเซ็นเตอร์ก็บอกว่า วันจันทร์จะให้หัวหน้าทางนั้นโทรมาหาเรา ก็เลยโอเครรอ
" อันนี้เรายอมรับผิดเลยนะว่าไม่รอบคอบ และคิดอะไรง่ายๆเกินไป เราเลยอยากจะขอความคิดเห็นของเพื่อนๆ ผู้รู้ และใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้าง มีอะไรอยากแนะนำเราบ้าง และอีกอย่างนึงประกันตัวนี้ที่เราโดนหักตังค์ไป ไม่ได้มีบิลแยกมานะคะ ทำลค.เกิดความสับสนได้ บอกมาเป็นแค่ตัวหนังสือเล็กๆท้ายบิลของเฟิร์สช้อยแค่นั้น
ปล. อยากให้เคสเราเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกๆท่านด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนมากหรือน้อย ล้วนมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเราค่ะ ดังนั้นการขายประกันแบบนี้เราว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ
( เหตุเกิดตอนที่คุยกับจนท. คอลเซ็นเตอร์ บอกว่าชื่อเราที่เริ่มทำประกัน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2012 เรามาหายโง่ ทราบเรื่องอีกทีวันที่ 18 เมษายน 2015 ปิดบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยถึงได้มาเช็ค )
ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่เข้ามากระทู้นี้ล่วงหน้าเลยนะคะ ไว้วันจันทร์เป็นยังไงจะมาบอกอีกทีค่ะ
ถ้าเราแทคห้องผิดหรือภาษาที่พิมผิดพลาดอะไรขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ทำยังไงดีโดนหลอกให้ทำประกันทางโทรศัพท์โดยรู้เท่าไม่ถึงการ
เริ่มเรื่องตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ คือเราโดนบริษัทประกันบริษัทนึงโทรเข้ามาหาทางมือถือ และเอาเสียงที่บันทึกผ่านการสนทนาของเรา ไปสมัครประกันภัยค่ะ ย้อนกลับไปตอนที่ทางบริษัทประกันนี้โทรเข้ามาหา ก็บอกประมาณว่าเป็นบริษัทประกันภัย เราได้สิทธิ์ประกันนี้จากการเป็นลูกค้าของ กรุงศรีเฟิร์สช้อยนะ คุณจะสมัครไหม แล้ว ณ ตอนนั้นเราทำงานอยู่ไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยอะไรนานๆ ก็ได้บอกกลับไปนะว่าเดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่ได้ไหมเรายังไม่ค่อยสะดวก ( เราทำงานเป็น operator ค่ะต้องรับสายตลอดนี่คือสาเหตุที่บอกว่าไม่สะดวก ) จนท.ท่านนั้นก็พยายามอธิบายแบบน่ารำคาญสุดๆ เอาตรงๆเราก็ไม่ได้สนใจฟัง และเท่าที่จำได้เราก็บอกไปนะว่าไม่ทำ แต่ จนท. ท่านนี้เซ้าซี้ น่ารำคาญสุดๆค่ะ แล้วเริ่มพูดจากับเราไม่ดีพูดมาประมาณว่านี่เป็นสิทธิพิเศษของคุณนะ คุณไม่อยากได้เหรอ แล้วก็พูดมาว่าตกลงคุณจะทำหรือไม่ทำ พูดมาแค่ว่าทำ หรือ ไม่ทำ ด้วยความที่เรารำคาญสุดๆก็เลยพูดไปว่า
"เออๆทำ " แล้วก็เราตัดสายไป
ด้วยความที่เราเข้าใจมาตลอดว่าการทำธุรกรรม หรือเอกสารอะไรพวกนี้ ถ้าเราไม่ได้เซ็นลายมือเราลงไป ก็ไม่ทางที่การทำสัญญานั้นๆจะถือเป็นสมบูรณ์ แล้วเราก็รู้นะที่คุยกับ จนท. ท่านนั้นมีการอัดเสียงสนทนาไว้ แล้วเราก็ตัดสายทิ้งไป หลังจากวันนั้นที่คุยเราก็เลยไม่ได้สนใจเพราะก็คิดว่าเออเราไม่ได้เซ็นเอกสารไรให้ เราก็ปล่อยผ่านไป เป็นเวลาเกือบ 3 ปีได้ ที่เราถูกหักตังค์ทุกเดือนๆ เป็นจำนวนเงิน 396 บาท โดยที่เข้าใจมาตลอดว่าเป็นค่าทำเนียม ของบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อย จนมาเมื่อวานได้มาดูอย่างละเอียดเพราะเราได้ทำการโปะบัตรจนเรียบร้อยแล้ว แล้วทำไมยังมีบิลมาเก็บค่าอะไรอีกก็เลยตรวจสอบดู จนมาถึงบางอ้อให้แฟนช่วยดูบิล แฟนมาถามว่าเราเคยได้ไปทำประกันอะไรไหม มันเขียนในบิลว่าค่า KGIB_CIGNA. Insurance Pcl_PA
เราก็งง มานั่งนึกอยู่พักนึงเลยนึกออกว่าเออเคยคุยกับ จนท. นึงไว้ทางโทรศัพท์ ก็เลยรีบโทรไป คอลเซ็นเตอร์กรุงศรีเฟิร์สช้อย จนท. คอลเซ็นเตอร์ก็บอกมาประมาณว่าไม่เกี่ยวกับทางเค้านะ ให้โทรไปที่บริษัทประกันนี้เลยวันเสาร์ยังทำงานอยู่เราก็โทรไปบริษัทประกันต่อทันที ก็คุยกับทางคอลเซ็นเตอร์คร่าวๆก็ขอคุยกับทางหัวหน้าส่วนงานนั้นหน่อย ขอชื่อ จนท. ที่โทรมาหาเราวันนั้นหน่อย ก็ได้ชื่อมา เราก็เลยถาม จนท. คอลเซ็นเตอร์ไปว่าแค่คุยทางโทรศัพท์ถึงกะเอาไปสมัครประกันให้เราเองเลยหรอ เพราะวันที่ จนท. คนนั้นโทรมาเราก็บอกไปนะว่าไม่อยากทำ คุยไปคุยมาเจอประเด็นที่ทำให้เรา งง + โมโห + ไม่เข้าใจหนักมาก คือ เราถามไปว่าแล้วกรมธรรม์ ส่งมาบ้านเลขที่เท่าไหร่ จนท. คอลเซ็นเตอร์ ตอบกลับมาว่าเป็นบ้านเลขที่ 12 บลาๆ เราเลยถามซ้ำไปว่าแน่ใจนะว่าเป็นบ้านเลขที่ 12 จนท. ก็บอกว่าใช่ "เราเลยตอบไปว่าบ้านเลขที่ผิด" แล้วไม่ใช่บ้านเลขที่ของเรา ทั้งในบัตรประชาชน แล้วก็ในทะเบียนบ้านเลย ที่สำคัญ "กรมธรรม์ " ไม่เคยส่งมาถึงตัวเราเลย แล้วทางบริษัทก็บอกว่ารับทราบว่ากรมธรรม์ตีกลับไปทางบริษัท แต่กลับเพิกเฉย แล้วคุณหักตังค์เราไปทุกเดือน จนท. ไม่เอะใจบ้ลงหรอไม่คิดจะติดต่อ ลูกค้ากลับมาบ้างหรอ
เราเลยขอชื่อน้อง จนท. คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงขอชื่อ จนท.ประกันที่โทรมาหาเรา กับหัวหน้าเค้าด้วย แล้วน้องคอลเซ็นเตอร์ก็บอกว่า วันจันทร์จะให้หัวหน้าทางนั้นโทรมาหาเรา ก็เลยโอเครรอ
" อันนี้เรายอมรับผิดเลยนะว่าไม่รอบคอบ และคิดอะไรง่ายๆเกินไป เราเลยอยากจะขอความคิดเห็นของเพื่อนๆ ผู้รู้ และใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้าง มีอะไรอยากแนะนำเราบ้าง และอีกอย่างนึงประกันตัวนี้ที่เราโดนหักตังค์ไป ไม่ได้มีบิลแยกมานะคะ ทำลค.เกิดความสับสนได้ บอกมาเป็นแค่ตัวหนังสือเล็กๆท้ายบิลของเฟิร์สช้อยแค่นั้น
ปล. อยากให้เคสเราเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกๆท่านด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนมากหรือน้อย ล้วนมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเราค่ะ ดังนั้นการขายประกันแบบนี้เราว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ
( เหตุเกิดตอนที่คุยกับจนท. คอลเซ็นเตอร์ บอกว่าชื่อเราที่เริ่มทำประกัน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2012 เรามาหายโง่ ทราบเรื่องอีกทีวันที่ 18 เมษายน 2015 ปิดบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยถึงได้มาเช็ค )
ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่เข้ามากระทู้นี้ล่วงหน้าเลยนะคะ ไว้วันจันทร์เป็นยังไงจะมาบอกอีกทีค่ะ
ถ้าเราแทคห้องผิดหรือภาษาที่พิมผิดพลาดอะไรขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ