แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว อเมริกา ในฐานะฟรีแลนซ์

กระทู้คำถาม
ขอเกริ่นนิดนึงครับ ตอนผมอายุ7ขวบ เคยผ่านวีซ่าแล้ว1ครั้ง ได้มา5ปี แต่ผมเองจำไม่ได้ว่าเคยขอ พึ่งมารู้ไม่กี่วันก่อนขอวีซ่าครั้งล่าสุด
ได้วีซ่าแต่ก็อดไปเที่ยวครับ เพราะตอนนั้นท้องเสียอย่างรุนแรง เลื่อนไฟลท์ไม่ได้แล้วด้วย ร้องไห้
ผมเลยต้องนอนโรงพยาบาลกับญาติๆ ที่บ้านผมไปกันหมด คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย2คน T T
ตอนเรียนอยู่ มหาวิทยาลัยก็ว่าจะไปขอ แต่ก็ไม่ได้ขอ 55 พอเรียนจบ ออกมาทำงานฟรีแลนซ์เป็นช่างภาพอิสระครับ ทำฟรีแลนซ์เข้าปีที่3แล้ว
เจ้าหอบเงิน
สาเหตุที่ขอวีซ่าตอนนี้ : เนื่องจากคุณแม่มีแพลนจะไปงานปริญญาลูกของเพื่อน คุณแม่ต้องขอวีซ่าใหม่ เลยชวนผมไปขอด้วยครับ
ขอข้ามขั้นตอนการกรอก Ds-160 เลยน่ะครับ เพราะคณแม่จ้างเอเจนซี่จัดการให้ครับ
เจ้าคิกคัก

แนะนำตัวนิดนึงครับ : ผมทำงานฟรีแลนซ์เป็นช่างภาพ หลังจากเรียนจบทำมา3ปีแล้วครับ  ประเทศที่เคยไป สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น
ส่วนคุณแม่ ไม่ได้ทำงาน แต่ไปเที่ยวมาหลายประเทศครับ ใน5ปีที่ผ่านมาไป อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน มาเก๊า เวียดนาม

หลังจากอ่านบทความและรีวิวมาอยู่นาน บล็อคของพี่ว่านน้ำ ช่วยได้เยอะครับ ทักหลังไมค์ไปถามด้วยครับ ยิ้ม
กระทู้นี้เลยครับ http://pantip.com/topic/30704149

วันที่ได้นัดสัมภาษณ์คือวันที่ 26 มีนาคม 2558 เวลา 09:15 (จะเขียนรีวิวตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่อยากดูว่าได้กี่ปีก่อนครับ อิอิ)
เอกสารที่ผมเตรียมไป
- Passport, ใบยืนยัน, DS-160 ใบนัดวันสัมภาษณ์
- Book Bank เอาตัวจริงไปเลย ไม่ได้ขอแบงค์ทำ statement มีเงินหลงเหลืออยู่ 40000 (พึ่งจะซื้อคอมพิวเตอร์ชุดใหม่ ฮ่าๆ)
- บัตรประชาชน (เอาไว้ใช้กับการฝากของ ฝากโทรศัพท์ครับ)
- รูปถ่าย (จริงๆไม่ได้ใช้ แต่เอาไปเผื่อก็ดีครับ รูปผมที่กรอกใน Ds-160 หัวขาดไปนิดนึง เค้าก็ขอรูปไปสแกนใส่ใหม่)
- ใบรับรองการทำงาน เอกสารแสดงพันธะผูกพันกับประเทศ ไม่มีครับ เนื่องจากทำอาชีพอิสระ ผมก็ใช้วิธีเหมือนพี่ว่านน้ำเลยครับ
   - ปริ้นหน้าจอเว็ปไซต์ของผมเอง ทุกเว็ปไซต์ที่มี
   - อัดรูปผลงานที่ผ่านมาเป็น Portfolio เอาไป3เล่ม เล่มละ 40รูป
   - เตรียมนามบัตรส่วนตัว เพื่อให้รู้ว่าผมทำงานจริงๆ
   - เตรียมตารางคิวงานทั้งที่ผ่านมาและงานในอนาคตที่มีลูกค้าจอง พร้อมเบอร์ติดต่อของลูกค้า
ของผมมีเท่านี้แหละ หนี้สินที่ต้องชำระไม่มีครับ มีแต่ สัญญาฟิตเนสเฟริ์สที่ต้องผ่อนจ่ายทุกเดือน แต่ไม่ได้เอาไป
* ส่วนเอกสารของคุณแม่ผม
- Passport, ใบยืนยัน, DS-160 ใบนัดวันสัมภาษณ์, บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้านเล่มจริง
- Book Bank (มีเงินไม่ถึงห้าแสน)
- เอกสารอย่างอื่นผมไม่แน่ใจว่าเอาอะไรไปบ้าง แต่ได้ใช้แค่Book Bankครับ

ไปถึงสถานทูตประมาณ 7 โมงครึ่ง ก็เลยไปนั่งร้านกาแฟใกล้ๆสถานทูตรอครับ พอถึงเวลาประมาณ 9โมงเช้า ก็ไปครับ
ต้องบอกก่อนว่า คนที่ไปขอวันนั้น มีผม คุณแม่ และก็เพื่อนแม่อีก1คนครับ ปรากฏว่าเกิดปัญหาครับ
เพื่อนแม่ลืมเอาพาสปอร์ตมา ต้องรีบนั่งวินกลับไปเอาพาสปอร์ต คุณแม่กับผมก็เลยต้องต่อแถวนำเพื่อนไปก่อนครับ

ด่านที่ 1 : ด้านหน้าสถานฑูต เข้าแถว จนท ตรวจ DS-160 ครับ เตรียม DS-160ขึ้นมารอตรวจเลยครับ แล้วจะได้บัตรแข็งๆมาครับ
ด่านที่ 2 : ด่านรักษาความปลอดภัยและฝากของครับฝากโทรศัพท์  เอากระเป๋าเข้าได้น่ะครับ แต่ต้องไม่มีสิ่งของต้องห้ามครับ
ด่านที่ 3 : เข้าเครื่องสแกนของในกระเป๋า และตรวจสแกนร่างกาย ด้านหน้าด้านหลัง
ด่านที่4 : รอเรียกคิวเวลา ตรงนี้จะยังอยู่ภายนอกอาคาร จะมีคนนั่งรออยู่เยอะพอสมควร แต่ผมมาถึงเค้าก็เรียกต่อแถวครับยังไม่ทันได้นั่ง
ด่านนี้ จนท.ถามผมว่า
         จนท : เคยมีวีซ่ามั้ยค่ะ
         เรา : มีครับ ก็ยื่นให้ จนท.ตรวจ
         จนท. : เดินเข้าห้องไปเลยน่ะค่ะ
เพราะข้างนอกจะมีคนต่อแถวรอสัมภาษณ์อยู่ จะเป็นของวีซ่าถาวร(มั้ง)ครับ 55

ด่านที่ 5 : แถวนี้ต่อยาวมาก ช่อง 12-15 เพื่อนแม่ผมเข้าไปก่อน แล้วบอกว่าไปพร้อมเพื่อน ก็เลยชี้มาที่แม่และผม
จนท.ก็เลยให้เดินเข้าไปทั้ง3คนครับ
       จนท. : ใครเคยมีวีซ่า อเมริกาบ้างค่ะ
       คุณแม่กับผมก็ยกมือครับ และก็ยื่นให้
จนท. ก็ตรวจๆ พอจะคืนเล่ม พี่เค้าเหมือนนึกขึ้นได้ ก็เลยถามว่า พาสปอร์ตเล่มที่เคยขอวีซ่าผ่าน กับ เล่มปัจจุบัน ชื่อเขียนเหมือนกันมั้ย
ปรากฏว่าชื่อเขียนไม่เหมือนกันครับ จนท.เลยบอกว่า ต้องให้เราบันทึกข้อมูลไว้ด้วยน่ะค่ะ หลังจากนั้น ก็แสกนนิ้วครับตามขั้นตอน ไปต่อช่อง11 ครับ

ด่านที่ 6 : เจอ จนท.ผู้หญิง น่าจะคนไทยน่ะครับ ดูเค้าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่ไม่ดุครับ ดูขรึมๆมากกว่า
ก่อนหน้านี้ ด่าน5 บอกให้เอากระดาษนาบที่กระจก แต่พอมาถึง จนท.ไม่ดูเลยครับ หรือแค่เหลือบมองอย่างเดียวแล้วก็สแกนนิ้วต่อ

ซึ่งเพื่อนแม่ผมกำลังเข้าช่องสัมภาษณ์ในด่านที่ 7 พอดี และเพื่อนแม่ก็บอกเหมือนเดิมครับ มากับเพื่อน แล้วก็ชี้มาที่แม่ คุณแม่ผมก็เรียกให้ผมเข้ามาไวๆ
ตอนนั้นผมรูสึกแปลกใจมาก เพราะเท่าที่ผมอ่านรีวิวมา เค้าให้เข้าได้เฉพาะคนที่นามสกุลเดียวกันไม่ใช่หรอ รู้สึกโชคดีมาก ^^
ต่อไป เป็นบทสนทนา ในด่านสุดท้ายหรือด่านที่7 ครับ จะพิมคำถาม คำตอบแบบรวดเดียวน่ะครับ

จนท. เป็นคนเอเชีย แขกๆ ผิวคล้ำ อวบนิดๆ ใจดีครับ สัมภาษณ์ภาษาไทยก่อนเลยครับ
จนท. : ไปทำอะไรครับ
กลุ่มผม: ไปเที่ยวค่ะ/ครับ
จนท. : หันไปถามเพื่อนแม่ผมก่อน  เคยไปเที่ยวไหนมาบ้าง  ทำงานอะไร รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่
เพื่อนแม่ : อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน มาเก๊า เวียดนาม สิงคโปร์ (ผมจำได้แค่นี้) , ธุรกิจส่วนตัวเจ้าของโรงงาน... , รายได้ สามแสน  
จนท.ไม่ได้ขอดู Book Bank  และจนท.หันมาถามคุณแม่ผมบ้างครับ
จนท. : สามีทำงานอะไร และก็ขอดู BookBank ครับ
คุณแม่ : สามีเสียแล้วค่ะ ก็ยื่น BookBank ให้ ต่อไปก็ถึงคิวผม
จนท. : ถามมาเป็นภาษาอังกฤษ คนอื่นนี่พูดไทยหมด เค้าถามผมว่า คุณเป็นช่างภาพใช่มั้ย
ผม : ใช่ครับ
จนท. : ถามอังกฤษอีก รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่
ผม : กำลังตอบภาษาอังกฤษ คุณแม่และเพื่อนแม่ เบรคเอาไว้ บอกให้ตอบภาษาไทย ผมก็ชี้แจง รายได้ผมเป็นจ๊อบๆครับ
จนท. : ถามซ้ำอีก รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ (สงสัยผมตอบผิดคำถาม 555)
ผม : ในใจคิด เอาไงดีว้าา ก็บอกไปว่า สองสามหมื่นครับ (คุณแม่ผมบอกว่า ทำไมไม่บอกมากกว่านี้ ก็ผมกลัวเค้าขอดูบัญชีกลัวว่ามันจะไม่สมดุลกัน)
จนท. นั่งดูจอ นั่งคิด นั่งพิมของแกอยู่นาน ระหว่างนั้นเงียบมากก คงคิดหนัก จะปล่อยไปดีมั้ย ฮ่าๆๆๆๆเม่าแพนด้า
จนท: โอเค งั้นผมขอเก็บ พาสปอร์ตน่ะครับ หัวใจจะวายครับ 555

ก็กลับไปรับของฝากคืนครับ วีซ่าผ่านแล้ว ก็ยังไม่หายเครียดครับ เพราะไม่รู้ว่าจะได้กี่ปี เห็นอาการจนท.คิดหนักแล้วก็เครียดไปตามๆกัน
มีแต่คนบอกว่าได้ 10ปีกัน ผมนี่เช็คเลข Tracking Code บ่อยมาก ผมเห็นส่งออกมาวันศุกร์ ที่รองเมือง แล้ววันนี้ก็เช็คอีก ส่งมาแถวบ้านผมแล้ว
เตรียมการนำจ่าย สุดท้าย ผลวีซ่าก็มาถึง วันเสาร์ 28 มีนา เวลาประมาณ 11.00 ครับ
เพี้ยนไฟลุก

สรุปได้มาคนละ 10ปี ครับ ดีใจมากครับ
ผมคิดว่าที่ผมผ่านมาได้ครั้งนี้ เพราะดวงและจังหวะครับ และสำคัญที่สุด เพราะคุณแม่และเพื่อนแม่ครับ
ถ้าเกิดไม่ได้เข้าสัมภาษณ์พร้อมกัน ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ผมได้ตอบอยู่ 2 ประโยคเองครับ ขอบคุณครับ ยิ้ม  

เพี้ยนออกทริป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วีซ่า
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่