พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด ๒๘ ก.พ.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๑๐ เสร็จศึกก็เป็นสุข

ตอนที่ ๒ แม้นมิตายหมายใจจะได้พบ

ฑ.มณฑา

สินสมุท ก็พา สุดสาคร กับน้องทั้งสองไปเฝ้า นางสุวรรณมาลี และพระเจ้าอาศรีสุวรรณ ต่างก็ทักทายไต่ถาม
ถึงความเป็นมาของแต่ละคน สินสมุทเห็นว่ามัวแต่พูดจากันชักช้า จึงตัดบทว่าสุดสาครอาสาจะมาปราบผี
ที่สิงอยู่ในรูปวาดให้พระบิดาพ้นโรคพ้นภัยในวันนี้ นางสุวรรณมาลีถามว่าจะต้องใช้เครื่องยาอย่างใดบ้าง
สุดสาครก็ขอแต่รูปวาดต้นเหตุเท่านั้น สินสมุท ก็แอบเข้าไปลักเอาออกมา ในขณะที่ พระอภัยมณีกำลังหลับอยู่
สุดสาครก็เอามาวางคลี่ลงบนพื้น แล้วก็ภาวนามหามนต์ของพระเจ้าตา

เศกไม้เท้าดาบสจดกระดาษ
เสียงรูปวาดหวีดร้องสยองขน
แล้วซ้ำตีผีร้ายก็วายชนม์
กระดาษป่นเป็นประกายวูบหายไป ฯ

เมื่อปีศาจสิ้นฤทธิ์แล้ว พระอภัยมณีก็ค่อยได้สติขึ้น แต่เรี่ยวแรงยังน้อยค่อยลุกขึ้นนั่งเหลียวแลดู
เห็นมเหสีและพระญาติพระวงศ์ห้อมล้อมดูอาการอยู่ ก็ถามนางสุวรรณมาลีว่า เด็กเล็กสามคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
จึงไม่เคยรู้จัก นางสุวรรณมาลีก็ทูลความตามที่ทราบให้ฟัง พระอภัยมณีก็เรียกสุดสาครเข้ามากอดไว้
แล้วก็ถามถึง นางสุวรรณมัจฉา ผู้มารดา สุดสาครก็เล่าให้ฟังตั้งแต่คลอดจนจากพระเจ้าตามาตั้งแต่อายุได้สามขวบ
ซึ่งมารดาก็โศกาอาลัยเป็นอันมาก บัดนี้ก็เป็นเวลาสิบปีกว่าแล้วเพิ่งจะเจอบิดา

แล้วสั่งมาว่าแม้นพบภูวนาถ
ให้กราบบาททูลแจ้งแถลงไข
ว่าชาตินี้มิได้มาเป็นข้าไท
แต่มีใจคิดถึงองค์พระทรงธรรม์
อันปิ่นทองของประทานของผ่านเกล้า
พระแม่เจ้ามอบไว้ให้หม่อมฉัน
โอ้สงสารนานแล้วแต่แคล้วกัน
จะนับวันเวลาตั้งตาคอย ฯ

แล้วพระอภัยก็ถาม เสาวคนธ์ กับ หัสไชย ถึงวันเดือนปีเกิดสองพี่น้องก็ตอบได้คล่องแคล่วดี
แล้วก็ขออาศัยเป็นโอรสของพระอภัย เช่นเดียวกับสุดสาครด้วย ตอนนี้พระพี่เลี้ยงก็พา สร้อยสุวรรณ กับ จันทร์สุดา
พระธิดาฝาแฝด ของนางสุวรรณมาลีมาให้รู้จักพี่น้องด้วย

พระสอนให้ไหว้พี่สี่กษัตริย์
ต่างกอดรัดพูดจาน่าสงสาร
นางเสาวคนธ์บ่นว่าน่ารำคาญ
เช่นนี้ฉานดูเฟือนช่างเหมือนกัน
พระน้องนางต่างว่าฉันฝาแฝด
กษัตริย์แปดองค์ชวนกันสรวลสันต์
เสียงจ๋าจ๊ะคะขาจนสายัณห์
ส่วนทรงธรรม์ตรัสตามความแผ่นดิน ฯ

ในวันรุ่งขึ้นพระอภัยมณี ก็ยกกองทัพหลวงออกไปยังสนามหน้าเมืองผลึก โดยให้ ศรีสุวรรณเป็นทัพหน้า
สินสมุทเป็นปีกขวาสุดสาครเป็นปีกซ้าย ส่วนพราหมณ์วิเชียร โมราและ สานน เป็นทัพหลัง
เมื่อยกขบวนพยุหไปถึงหน้าค่ายข้าศึก ก็เห็นกองทัพทั้งแปดตั้งรออยู่แล้ว พระอภัยเห็นว่าทางเมืองผลึกมีทหารเอกครบครันแล้ว
จึงคิดจะรบให้ปรากฏชื่อระบือไกล จึงไม่เป่าปี่สะกดทัพเหมือนเคย แต่ท้าให้ส่งแม่ทัพออกมาลองฝีมือกัน
เพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองไพร่พล ข้าศึกก็รับคำท้านั้น

ผลของการรบปรากฎว่า ศรีสุวรรณเอากระบองตี เจ้าคุลา ดับดิ้นสิ้นชีวิต สินสมุทก็ฟัน เจ้ากาวิน สิ้นชีพ
สุดสาครเอาไม้เท้าฟาด เจ้าละเมด ศรีษะขาดตาย เหลือแต่เจ้าจีนตั๋งซึ่งถืออาวุธวิเศษ
ฟาดไปทางไหนเป็นเกิดประกายไฟลุกไหม้ไปทางนั้น สินสมุทสุดสาครเข้าสู้รบด้วยก็ถูกไฟพิษลวกเอาถึงกับสลบไปทั้งสองคน
ศรีสุวรรณเข้าไปช่วยเอากระบองป้องกัน ก็โดนไฟไหม้กระบองแดงฉานมือปอกพองไป นางเสาวคนธ์กับหัสไชยจะเข้าไปช่วย
ก็ถูกไฟฟาดเข้าด้วย แต่มีแก้วตาผีเสื้อคุ้มครอง จึงไม่เป็นอันตราย นางเสาวคนธ์จึงยิงศร
ไปปักลูกตาข้างขวาของจีนตั๋งจนตกลงจากหลังม้า พวกไพร่พลจึงพากันถอยทัพกลับเข้าค่ายไป

กองทัพของข้าศึกที่เจ้านายตาย ก็ส่งศพกลับไปเมืองของตน แต่จีนตั๋งขอร้องให้ กองทัพยังคงอยู่ช่วยรบกับกรุงผลึกต่อไป
เพราะกำลังจะเป็นต่อแล้ว ส่วนตัวจีนตั๋งเองนั้นก็ต้องให้จีนแสเอายามารักษาลูกตา เพื่อจะสู้รบต่อไป

ทางฝ่ายกรุงผลึกนั้น ศรีสุวรรณก็มือพองทั้งสองข้าง ส่วนสินสมุทกับน้องสุดสาคร นอนสลบนิ่งไม่ติงกายอยู่ตลอดคืน
หาหมอทั่วทั้งเมืองก็ไม่สามารถจะรักษาให้ฟื้นขึ้นมาได้ พระอภัยมณีก็เศร้าโศกถึงบุตรทั้งสอง

พระประคองสองบุตรสุดที่รัก
ขึ้นวางตักข้างละองค์ทรงสะอื้น
โอ้เย็นฉ่ำน้ำค้างในกลางคืน
เจ้าไม่ฟื้นขึ้นมาสั่งพ่อบ้างเลย
ประหลาดเหลือเนื้อละมุนยังอุ่นอ่อน
สินสมุทสุดสาครของพ่อเอ๋ย
เคยกลับเป็นก็ไม่เห็นเหมือนเช่นเคย
กระไรเลยแน่นิ่งไม่ติงกาย ฯ

และพระญาติกาทั้งหลายก็พากันโศกาอาลัยกัน เซ็งแซ่ไปทั้งพระราชวัง แต่บังเอิญในกองทัพทั้งเจ็ดนั้น ต่างก็อิจฉาเจ้าจีนตั๋ง
กลัวว่าจะเป็นผู้ชนะแล้วจะได้ครอบครองกรุงลังกากับ นางละเวงวัณฬา จึงใช้ให้คนมาบอกว่า ถ้าจะดับพิษไฟนั้นจะต้องใช้ฝน
พระอภัยก็ดีใจที่รู้วิธีแก้ แต่ก็จนปัญญาอยู่ด้วยเป็นฤดูแล้ง ครั้นนึกขึ้นมาได้จึงให้ไปตามพราหมณ์สานน มาโดยด่วน
ให้ทำพิธีเรียกฝนตามวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา สานนก็เรียกฝนได้ดังใจ

ทำพิธีพลีบวงสรวงพระเวท
ศักดาเดชดินฟ้าโกลาหล
พรุณร้องก้องกระหึ่มครี้มคำรณ
เป็นสายฝนฟุ้งฟ้าลงมาดิน
ให้ประคองสององค์ออกสรงน้ำ
ค่อยชื่นฉ่ำชีวาตม์ด้วยธาตุสินธุ์
ถอนน้ำมันอันเป็นกรดหมดมลทิน
หน่อนรินทร์รู้สึกลุกคึกคัก ฯ

แม้ทั้งสองพี่น้องจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาแล้ว แต่สานนก็ยังไม่ยอมหยุด คงเรียกฝนให้ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันไปอีก
กองทัพของข้าศึกก็วุ่นวายกันไปหมด เพราะไม่มีที่จะอยู่อาศัย ทั้งหนาวเหน็บเจ็บตัว ด้วยมีลูกเห็บตกลงมามากมาย
จนพลับพลาพังลง ทั้งลมก็พัดกระหน่ำรั้วค่ายพังทลาย ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จึงไม่มีความคิดที่จะอยู่สู้รบต่อไป
ต้องพากันอพยพลงเรือถอยกลับบ้านเมืองไปจนหมดสิ้น

พระอภัยได้ชนะเพราะพระเวท
แสนวิเศษสานนคนขยัน
ฝรั่งแขกแตกตายเสียหลายพัน
ที่เหลือนั้นจับได้ทั้งไพร่นาย
ให้เลิกทัพกลับหลังเข้าวังหลวง
ค่อยสร่างทรวงเสร็จศึกเหมือนนึกหมาย
เสนานายใหญ่น้อยพลอยสบาย
ทั้งหญิงชายชาวบุรินทร์ก็ยินดี ฯ

เมื่อเสร็จศึกทั้งเก้าทัพแล้ว พระอภัยมณีก็สั่งให้ประทานรางวัลแก่แม่ทัพ นายกอง ตลอดทั้งไพร่พลจนทั่วหน้ากันทุกฝ่ายแล้ว
ขุนนางเมืองการเวกที่มาในกองทัพของสุดสาคร ก็กราบทูลพระอภัยมณีว่า พระเจ้ากรุงการะเวกให้สุดสาคร
กับพระโอรสและธิดาทั้งสองมาติดตามหาพระบิดา บัดนี้ก็ได้พบปะรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว
ขอให้รีบกลับเมืองเพราะคิดถึงราชบุตรทั้งสามเป็นอันมาก

พระอภัยก็ไม่อาจจะขัดข้องได้ จึงอนุญาตให้สุดสาคร เสาวคนธ์และหัสไชย นำกองทัพกรุงการะเวกกลับไปบ้านเมืองของตน
ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ สุดสาครกับน้องทั้งสองก็ร่ำลา พระบิดา พระเจ้าอาศรีสุวรรณ พระเชษฐาสินสมุท
และนางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดา กับพระมารดาสุวรรณมาลี กลับไปกรุงการะเวกด้วยความอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง
พระอภัยมณีกอดลูกแล้วก็คิดถึงแม่ผู้อาภัพ ที่ตั้งตาคอยอยู่ที่เกาะแก้วพิศดาร อันไกลโพ้น

แล้วจึงว่าถ้าแม้พบกับแม่เจ้า
จงบอกเล่าว่าพ่อคิดพิษฐาน
ไปชาติหน้าขอให้พบยุพาพาล
กับประการหนึ่งนั้นทุกวันนี้
แม้นมิตายหมายใจจะได้พบ
ไม่ล้างลบลืมมัจฉามารศรี
สั่งโอรสพจนาในราตรี
จนระวีวรรณสว่างสำอางค์องค์ ฯ

นางสุวรรณมาลี ก็สั่งเสียสุดสาคร ด้วยความอาลัยเช่นเดียวกัน

นิจจาเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า
เมื่อไรเจ้าสายใจจะได้กลับ
โอ้อนาถวาสนาแม่อาภัพ
ได้ลูกแก้วแล้วจะกลับครรไลไป
สุดสาครจรมาหาแม่มั่ง
พ่อเหมือนดังดวงจิตอย่าคิดไฉน
แม่รักน้องของเจ้านั้นเท่าไร
ก็รักใคร่ตัวเจ้านั้นเท่ากัน ฯ

เมื่อได้ร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดสาครก็พาน้องทั้งสองกับกองทัพเรือของตนเดินทางกลับไปเมืองการเวก
และได้อยู่อย่างสุขสบายสืบมาอีกเป็นเวลานาน.

#########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่