เคล็ดไม่ลับใกล้ตัว 5 ปีมีตังค์เก็บเพิ่ม 1แสน5 โดยไม่ต้องทำอะไรเลย

กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นเพราะสังเกตจากเพื่อนรอบตัวๆและกลุ่มคนวัยทำงานในช่วงทั้งเริ่มต้นและที่ทำมานานแล้วนะครับ

ออกตัวก่อนว่าผมเพิ่งทำงานมาได้ 2 ปีกว่าๆ สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอย่างหนึ่งคือต้องยอมรับว่าเงินเดือนของเด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ จะอยู่ที่ราว

10,000 - 15,000 บาท หลายคนพอเงินเดือนออกต้องหมดไปกับค่าน้ำไฟค่าเช่าห้อง 3,000 - 5,000 บาท สรุปแล้วจะเหลือใช้จ่ายแค่ราว 1หมื่นบาท

แต่พฤติกรรมของบางคนที่มีอาการเริ่มแรกจากการเป็น social drink และอาจจะทำให้บางคนนำไปสู่การเริ่ม "เสพติด"

เลือกสั่งเบียร์หรือแอลกอฮอลล์ แทนน้ำเปล่าเวลาไปทานอาหารหรือทานมื้อเย็น หรือเหนื่อยๆแล้วอยากจิบเบียร์เสมอ

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนี้ผมไม่ได้บอกว่ามันผิดแต่จะบอกว่า น่าเสียดายจังที่คุณกำลังเสียโอกาสในการเก็บเงิน

ลองตีไปว่าคุณเสียเงินให้ เบียร์หรือแอลกอฮอลล์ วันละ 60 บาท หนึ่งเดือนคุณจะเสียเงินราว 1,800 บาท หนึ่งปีคุณจะเสียเงินราว 21,600 บาท

มาดูกันต่อว่า ถ้าคุณดันเป็นคนที่สูงบุหรี่ด้วย จะเกิดอะไรกับโอกาสในการเก็บเงิน บุหรี่หนึ่งซองจะมี 20 มวน โดยทั่วไป ตีไปว่า 1 สัปดาห์เท่าที่ผมสังเกตและถามดูคนที่สูบเป็นประจำจะสูบวันละ 4-5ตัว

ลองตีไปว่าหนึ่งสัปดาห์คุณซื้อ 2 ซอง 140(ตีกลมๆ) ปีหนึ่งคุณจะ เสียเงินไปราว 6,720 บาท

สรุปแล้วถ้าคุณมีอาการดังกล่าวทั้ง2อาการ

คุณจะเสียโอกาสเก็บเงินไปถึงปีละ 28,320 บาทต่อปี  

และ5ปี คุณจะเสียโอกาสการเก็บเงินไปถึง 141,600 บาท

อันนี้ยังไม่นับการเอาเงินไปฝากประจำ หรือ เอาไปลงทุน

แต่ขอย้ำว่าผมไม่ได้มีเจตนาว่าผู้ที่ดื่มหรือสูบนะครับแต่แค่รู้สึกเสียดายโอกาสทางการเงินที่เสียไปเท่านั้น

แต่ถ้าคุณเลิกได้หรือลดลงได้ คุณก็ไม่ต้องทำอะไรเลยเงินก็จะเพิ่มขึ้นมาซะยังงั้น

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 50
ดื่มเหล้า+สูบบุหรี่+ไม่มีความคิดจะเก็บเงิน = ไม่มีเงินเก็บ

ดื่มเหล้า+สูบบุหรี่+มีความคิดจะเก็บเงิน = มีเงินเก็บ

ไม่ดื่มเหล้า+ไม่สูบบุหรี่+ไม่ความคิดจะเก็บเงิน = ไม่มีเงินเก็บ

ไม่ดื่มเหล้า+ไม่สูบบุหรี่+มีความคิดจะเก็บเงิน = มีเงินเก็บมากขึ้น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มีเยอะแยะที่ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่

แต่ ก็ไม่มีตังเก็บอยู่ดี มันจะหาทางออกไปใช้ทางอื่นนั้นละ


ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ดูผู้หญิงสิ ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ก้ไปหมดกับทางอื่นอีกเยอะแยะ


ความคิดเห็นที่ 3
อีกอย่างที่เจอบ่อยๆ ก็คือพวก กาแฟสด ค่ะ
เห็นประจำเลย พนักงานออฟฟิส เงินเดือน 1-2 หมื่น ซื้อกาแฟสด ชาไข่มุก น้ำปั่น หรือเครื่องดื่มต่างๆ กันแทบทุกวัน
แก้วนึงก็ 50-60 บาทขั้นต่ำ แต่บางทีซื้อ starbuck กันบ่อยมาก แก้วละเป็นร้อย
เราว่าเครื่องดื่มพวกนี้มันดูดเงินไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว ถ้าซื้อเดือนละ 20 แก้ว เดือนนึงก็เป็นพัน ถ้า starbuck ทุกวัน เดือนนึง 3000 เลย ยังไม่รวมค่าขนมอีกนะ
แถมยังทำให้อ้วนอีกด้วย กาแฟเย็น ชาเย็น สมูตตี้ แก้วนึง 4-5 ร้อยแคลอรี่แน่ะ
เราเองก็นานๆซื้อที หรือรอตอนซื้อ 1 แถม 1 แต่ก็ไม่ทานบ่อย
ส่วนใหญ่ใช้กาแฟผง กับโกโก้ผง ชงทานเองค่ะ แบบว่างกอ่ะ

ปล. ก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของใครหรอกค่ะ ไม่เคยไปบอกใครด้วยถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เพียงแต่พูดเท่าๆที่เห็นมา เพราะบางคนเขาไม่ได้ทำบัญชี และไม่ได้นึกถึงประเด็นนี้ เงินก็เลยไม่ค่อยเหลือเก็บ

ปล. 2   เฮ้อ กลายเป็นประเด็นไปซะแล้ว  ที่ว่าเงินเดือน 1-2 หมื่นนี่คือพนักงานในที่ทำงานที่เรารู้จักน่ะค่ะ ก็เลยรู้ว่ารายได้ประมาณไหน ( ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนหรอก แค่ ส่วนหนึ่งเท่านั้น ) เอาง่ายๆเลยก็ลูกน้องเรานี่แหละ ชอบบ่นว่าเงินไม่พอใช้ และน้ำหนักเพิ่ม  แต่เห็นเธอซื้อกาแฟกับเครื่องดื่มต่างๆบ่อยเหลือเกิน  ส่วนคนที่เงินเดือนเยอะๆ ซื้อกินทุกวันก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วง จะยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างทำไมล่ะคะแหม่  แต่จริงๆแล้ว วัตถุประสงค์ของ reply นี้ ก็แค่เล่าถึงสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เงินรั่วไหลได้เรื่อยๆ นอกจาก เหล้า บุหรี่ ของ จขกท.  เท่านั้นเอง

ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องนี้ เรื่องจริงครับ ....  

  สมัยทำงาน เงินเดือนๆแรก ให้แม่   ...  
  หลังจากนั้น ก็บรรเลง  ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า ละเลงเงินเดือน เพื่อให้ได้มาซึ่ง ความสุข ให้ท่วมท้น ....   ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นาๆ ที่จะเอามาอ้างเข้าข้างตัวเอง  ว่า  ความสุขเล็กน้อย บางล่ะ  ... ให้รางวัลกับความสำเร็จ บ้างล่ะ    ชดเชยกับสิ่งที่ขาดไปในสมัยเรียน ประกอบกับสังคมที่ทำงาน และเพื่อนใหม่ ๆ    แต่คงไม่โทษใครครับ  ผมจะโทษสันดานตัวเอง มากกว่า   ผลคือ  ติดลบ  เงินเดือนออก ใช้หนี้ 100%  ก็ต้องกู้ยืม บัตรเครดิตเต็มทุกใบ ...  หนักเข้าเริ่มไม่ไหว  ไม่มีกำลังใจทำงาน  ไม่พัฒนา  ...  กว่าจะกลับตัวได้ และเคลียร์หนี ปรับทัศนะคติใหม่  อายุก็ปาเข้าไปใกล้จะ 30 ปี  ....  

  ผมเป็นแบบนั้นแหละ ......  เสียดาย  มากครับ
ความคิดเห็นที่ 11
ผมแค่อยากวิเคราะห์ให้ฟังด้วยความเสียดายแทนนะครับผม เพราะต้นทุนคุณจะสูงขึ้นแน่นอนต่อวัน

สมมุต มีนาย AและนายB ที่มีกิจวัตรเหมือนกัน

แต่นาย A ดื่มและสูบ แต่นายBไม่

ลองนึกง่ายๆ ว่าหลังกินข้าว,ตอนเข้าห้องน้ำ,ก่อนเข้าโรงหนัง,หรือทานมื้อเย็น คุณจ่ายเงินกับบุหรี่และเบียร์หรือแอลกอฮอลล์ไปมากกว่านาย Bกี่บาท

เพราะProcess ชีวิตที่ต่างกันทำให้นาย B มีโอกาสเก็บเงินได้สูงกว่าเมื่อ เทียบ5ปีออกมาเป็นเงินทิ้งห่างหลายช่วงตัวโดยที่เราไม่รู้

ผมเข้าใจในประเด็นที่หลายคนอาจจะบอกว่าเดียวนาย B ก็เอาไปหมดกับอย่างอื่นอยู่ดี

แต่ผมจะถามกลับเฉยๆครับว่า นายAจะไม่อยากเอาไปใช้กับอย่างอื่นหรอครับ สุดท้ายต้นทุนคุณจะสูงเป็น2เท่าจากคนอื่นเพราะระหว่างวันเขาก็ต้องเสียกับเบียร์และบุหรี่ เหมือนต้องจ่ายค่าผ่านด่านทุกวัน

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่