ธารทิพย์ บทที่ 8

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 1 http://pantip.com/topic/32957586
ธารทิพย์ บทที่ 2 http://pantip.com/topic/32957859
ธารทิพย์ บทที่ 3 http://pantip.com/topic/32958019
ธารทิพย์ บทที่ 4 http://pantip.com/topic/32958259
ธารทิพย์ บทที่ 5 http://pantip.com/topic/32974296
ธารทิพย์ บทที่ 6 http://pantip.com/topic/32978381
ธารทิพย์ บทที่ 7 http://pantip.com/topic/32986718


            คฤหาสน์ธำรงสัตย์เวลานี้อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความรักความสุขของคู่รักสองคู่ ทั้งแปดคนพ่อแม่ลูกและเหมียวนั่งสนทนากันอยู่ในห้องพักผ่อนหลังกลับจากเล้าเป็ดน้ำ ลุงไกรศักดิ์ขอตัวกลับไปบ้านของเขาแล้ว

                “เหนื่อยนะแต่ก็สนุกดี ได้พักคลายเครียดบ้าง”  สุรเกียรติพูด

                “นั่นซิ นี่ก็คงต้องรีบกลับอีกแล้ว งานรออยู่เยอะ”  วิเชียรเสริม

                “นี่สองคุณพ่อจะหนีไปทำงานกันหมด แล้วงานของลูกล่ะคะ”  โสภาพูด

                “แหม ก็สองคุณแม่รับไหวอยู่แล้วนี่นา”  สุรเกียรติตอบ

                “มันก็ต้องหารือกัน สถานที่เอย ฤกษ์ยามเอย”  แสงดาวพูดต่อ

                “เอาเป็นว่าสองคุณแม่เห็นควรยังไง ผมสองคนไม่มีปัญหา”  วิเชียรพูด สุรเกียรติพยักหน้าเห็นด้วย

                “หาดูฤกษ์สักเดือนหน้าเป็นยังไง” วิเชียรหันไปถามพี

                “เอ่อ….” พีไม่กล้าพูดว่านานไป

                “แกจะใจร้อนไปไหน รอมาได้ตั้งนาน”  วิเชียรพูดอย่างรู้ใจ

                “หรือจะรอเวลาให้เหมาะสม แล้วแต่งพร้อมกัน”  วิเชียรพูดแล้วหันไปยิ้มให้เหมียว คนอื่นหันมองตามไปด้วย

                เหมียวนั่งหน้าแดงไม่กล้าพูดอะไร ส่วนโจ เขาอยากจะม้วนลงไปกองกับพื้น ผู้ใหญ่ทึกทักเอาแบบนี้เขาก็อายเพราะไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงจะคิดยังไง

                “เออ เออ พูดเล่น”  วิเชียรพูด
    
            การสนทนาหารือกันเรื่องงานวิวาห์ระหว่างผู้ใหญ่สี่คน รวมทั้งพี เงาะและเหมียวที่ร่วมออกความเห็นอยู่ด้วยดำเนินไปครู่ใหญ่โดยที่ไม่มีความเห็นอะไรออกจากปากของโจ

                “เอาเป็นว่า แม่สองคนช่วยรับเรื่องสถานที่แขกเหรื่อกับหาฤกษ์ก็แล้วกันนะครับ”  สุรเกียรติพูด

                “เราสองคนก็ดูเสื้อผ้ากับเรื่องเพื่อนๆที่จะเชิญแล้วมาบอกแม่เค้า”  เขาพูดต่อ

                “เออ แต่เงาะ อาทิตย์หน้าเราต้องไปสิงคโปร์กับพ่อด้วยนะ”  สุรเกียรติบอกลูก

                “ค่ะคุณพ่อ”  เงาะตอบ

                “ไปทำอะไรกันคะ”  โสภาถาม

                “ไปคุยเรื่องทุนที่เค้าจะให้ลงโรงงานให้ที่หาดใหญ่”  สุรเกียรติตอบ

                “บางทีอาจจะต้องแวะหาดใหญ่ดูพื้นที่ด้วย”  เขาพูดต่อ

                “ค่ะคุณพ่อ”  เงาะรับคำ

            “ให้พวกลูกน้องของคุณไปไม่ได้หรือคะ”  โสภาถาม

                “ความจริงมันก็ได้หรอกนะ พวกเค้ารับได้อยู่แล้ว”  สุรเกียรติตอบภรรยา

                “แค่ผมอยากพาเงาะไปดู จะได้มีประสบการณ์เพิ่ม” “พี มีอะไรขัดข้องหรือเปล่าลูก”  สุรเกียรติหันไปถามพี

                “เอ่อ..ไม่มีครับ”  พีตอบรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก

                “คนอื่นล่ะครับ”  สุรเกียรติถาม เขาหันมองทุกคนส่ายหน้ายกเว้นโจที่นั่งหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

                “เฮ้ย เจ้าโจ มันเหนื่อยอะไรนักหนานี่”  สุรเกียรติเรียกแล้วพูดบ่น

                ทุกคนมองไปที่โจอย่างขำๆ เขายังหลับนิ่งอยู่จนพีเขย่าขาปลุกจึงสะดุ้งตื่นมองหน้าพ่อที่จ้องอยู่

                “ครับคุณพ่อ”  โจพูดงง งง

                “อุตส่าห์หลับได้นะ ฉันถามว่ามีอะไรอีกมั้ย”  สุรเกียรติถามลูกชาย

                “เอ่อ ไม่มีครับ”  โจตอบเหมือนไม่อยากตอบ

                “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนั้นแล้วกัน”  วิเชียรพูด

                “รอแกกลับมาแล้วค่อยสรุปกัน ฉันคงต้องกลับก่อนแล้วนะเพื่อน”  วิเชียรหันไปบอกสุรเกียรติ

                ทั้งสองยืนขึ้นแล้วเข้ากอดกัน โสภาและแสงดาวก็กอดลากันด้วย หนุ่มสาวทั้งสี่คนลุกขึ้นยืน

                “แล้วเราโทรคุยปรึกษากันนะ”  แสงดาวพูดกับโสภา

                “เดี๋ยวเราสี่คนไปส่งครับ”  พีพูด

                “โชคดีนะเพื่อน เดินทางปลอดภัยนะ”  สุรเกียรติพูดแล้วตบไหล่วิเชียร

                “เออ ไปล่ะ ขอบคุณนะโสภา”  วิเชียรบอกลา

                ทั้งสี่หนุ่มสาวพาวิเชียรและแสงดาวขึ้นรถเพื่อไปส่งยังสนามบิน

                ม่านหมอกขาวทึบสลับเทาปกคลุมมัวมิดไปทั่วป่า บดบังทัศนะวิสัยให้มองเห็นได้เพียงไม่กี่ก้าว แต่ละย่างเท้านั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่รับรู้อยู่ในสัญชาตญาณ ความมัวหม่นของอากาศรอบตัวและการเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้านั้นเหมือนภาพฝัน  ทันใดนั้นมีกลุ่มควันปรากฏขึ้นเป็นก้อนสีดำปล่อยหางควันพวยพุ่งข้ามหัวไปข้างหน้าแล้ววกกลับมาโฉบเฉี่ยวอยู่รอบตัว เร็วขึ้นแรงขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

                “ปัง ปัง ปังปัง”  เสียงปืนดังขึ้น คมกระสุนพุ่งตัดอากาศมาพร้อมกับแรงปะทะที่สัมผัสได้

                “ตึ้ง”เสียงระเบิดกัมปนาทดังแน่นทึบร่างกายท่อนล่างฉีกขาดดวงตาเบิกโพลงนั้นจ้องถลนด้วยความเคียดแค้นทารกที่เพิ่งจะอุ้มขึ้นมาไว้ในวงแขน

                “ฮือฮือพี่ พ่อไปไหน แม่ไปไหน ฮือ”  ภาพของเด็กชายวัยสี่ขวบร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนพี่ชายวัยสิบสองปี ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่ลำพังกลางพื้นบ้าน

                “ต้องชดใช้” เสียงตะโกนแหบโหยหวนเหมือนดังจากขุมนรก ปลุกให้ตื่นจากความฝัน

                ไกรศักดิ์ลืมตาตื่นขึ้นจากความฝันที่วนเวียน เขานอนมองเพดานห้องอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย

                “อรุณสวัสดิ์ครับคุณอิ่ม”  ไกรศักดิ์ลงบันไดมาถึงชั้นล่าง เขากล่าวทักแม่บ้านอิ่มที่กำลังดูแลจัดโต๊ะอาหารเช้าอยู่

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่าน หลับสบายไหมคะ”  แม่บ้านอิ่มทักทายตอบ

                “อืม..ก็..”  ไกรศักดิ์ออกเสียงเท่านั้นเพราะไม่อยากพูดปดว่าหลับสบาย

                “เดี๋ยวคุณอิ่มบอกให้เค้าเอารถออกหน่อยนะ ผมจะไปปล่อยนกปล่อยปลาสักหน่อย”  ไกรศักดิ์บอก

                “ได้เจ้าค่ะ”  แม่บ้านรับคำแล้วเดินออกไป

                ปลาดุกปลาช่อนหลายชีวิตถูกปล่อยลงในสระน้ำขนาดใหญ่ภายในวัด ไกรศักดิ์ตั้งอธิษฐานจิตบูชาองค์พญายมราช แม่พระคงคา แม่พระธรณีขอให้คุ้มครองสัตว์ผู้ยากทั้งหลายนี้ให้พ้นจากภัย แล้วจึงสวดวิปัสสิตกรวดน้ำอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรนั้น

                “ขอเธอจงอนุโมทนาบุญนี้นะ”  ไกรศักดิ์หลับตาพูดเบาๆ ตั้งจิตถึงดวงตาเบิกโพลงที่จ้องมานั้น

                “ดวงวิญญาณที่อาฆาตพยาบาทขณะสิ้นชีพนั้น จะติดอยู่กับความพยาบาทตลอดไป”  ไกรศักดิ์หันไปมองตามเสียงนั้น

                พระภิกษุวัยห้าสิบพรรษาหน้าตาผิวพรรณดูผ่องใส นั่งอยู่บนที่นั่งไม้วงกลมที่สร้างไว้รอบต้นไม้ใหญ่ริมสระน้ำ ไกรศักดิ์เดินเข้าไปก้มลงกราบแล้วนั่งพับเพียบลงบนพื้นหญ้าตรงหน้า

                “ท่านเห็นหนทางแก้ไหมครับ”  ไกรศักดิ์ถาม

                “อาตมาเห็นผู้มีฌาน ผู้มีปัญญา เห็นผู้ยอมชดใช้”  พระภิกษุพูด

                “กระผมไม่เคยเห็นท่านมาก่อนในวัดนี้”  ไกรศักดิ์พูด

                “อาตมาธุดงค์ผ่านมาน่ะโยม”  พระภิกษุบอก

                “แต่กระผมเห็นความผ่องใสของท่านไม่เหมือนภิกษุที่กำลังธุดงค์”  ไกรศักดิ์แย้ง

                พระภิกษุรูปนั้นยิ้มที่มุมปากไม่ตอบอะไร

                “กระผมปฏิบัติสมาธิภาวนา แต่ทำไมกระผมไม่เห็นหนทางแก้”  ไกรศักดิ์ถาม

                “มันเป็นบุพกรรม มองวาสนาที่มีต่อกันนะโยม”  พระภิกษุยืนขึ้นยิ้ม พูดทิ้งปริศนาแล้วเดินจากไป
    
            ไกรศักดิ์มองตามพระภิกษุรูปนั้นไป เขายังคงนั่งอยู่ริมสระน้ำอีกครู่ใหญ่พยายามตีความปริศนานั้นอย่างหนัก คิดไม่ออกว่าผู้ก่อกรรมกับผู้รับกรรมจะมีวาสนาต่อกันได้อย่างไร จนกระทั่งเสียงเรียกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

                “พี่ไกร ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนครับ”  เสียงสุรเกียรติพูดมาตามสาย

                “นั่งเล่นอยู่ที่วัดใกล้ๆบ้าน มีอะไรรึเปล่า”  ไกรศักดิ์ถามน้องชาย

                “อยากคุยอะไรกับพี่ไกรสักหน่อยครับ พี่ให้ผมไปหาที่ไหนดีครับ”  สุรเกียรติถาม

                “งานแกยุ่งจะตาย เย็นนี้อยู่บ้านรึเปล่าล่ะเดี๋ยวฉันไปกินข้าวด้วย”  ไกรศักดิ์พูด

                “อยู่ครับพี่ ดีเลยครับผมจะรีบกลับ เจอกันที่บ้านผมนะครับ”  สุรเกียรติบอกนัด

                “อืม เอาอย่างนั้น เย็นนี้เจอกัน”  ไกรศักดิ์ตอบรับ

                รถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าซุ้มประตูใหญ่ทางเข้าคฤหาสน์ คนรับใช้เดินมาเปิดประตูรถให้ไกรศักดิ์ก้าวลงมาโดยมีสุรเกียรติกับคุณหญิงโสภายืนรอต้อนรับอยู่ ทั้งสองยกมือไหว้กล่าวสวัสดีทักทาย ไกรศักดิ์ยิ้มรับไหว้แล้วโอบไหล่สองสามีภรรยาแล้วเดินเข้าไปภายใน

                “พีไกรคงหิวแย่เลย ดิฉันให้เค้าเตรียมโต๊ะไว้แล้วค่ะ”  โสภาพูด

                “โหย แก่แล้วไม่หิวบ่อยหรอกจ๊ะคุณโสภา ยังไงก็ขอบใจนะ”  ไกรศักดิ์ยิ้มตอบ
    
            “มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่า”  ไกรศักดิ์หันไปถามน้องชาย

                “ก็ไม่เชิงหรอกครับพี่ไกร เข้าไปทานข้าวแล้วคุยกันไปดีกว่าครับ”  สุรเกียรติตอบพี่ชาย

                ไกรศักดิ์นั่งทานอาหารอยู่หัวโต๊ะ สุรเกียรตินั่งคู่กับโสภาอยู่ด้านซ้าย

                “อิ่มแล้วหรือคะคุณพี่ อีกหน่อยมั้ยคะ”   โสภาถามเมื่อเห็นไกรศักดิ์คว่ำช้อนส้อมลงบนจานข้าว

                “อิ่มแล้ว หลนปูเค็มนี่ฝีมือคุณโสภาล่ะสิ”  ไกรศักดิ์ตอบแล้วชี้มือถามที่ถ้วยหลน

                “ค่ะ ทราบว่าพี่ไกรชอบทานน่ะค่ะ”  โสภาตอบ

                “กินก็รู้ว่าใครทำ ฝีมือไม่ตกเลยนะ”  ไกรศักดิ์ยิ้มชม

                โสภาหันไปพยักหน้า แม่บ้านประจำห้องทานอาหารสี่คนช่วยกันเก็บสำรับออกจากโต๊ะ จัดวางของหวานผลไม้และจานแบ่งให้เจ้านายทั้งสามที่

                “เอาล่ะ มีเรื่องอะไรที่อยากคุย”  ไกรศักดิ์ถามหันมองทั้งสุรเกียรติและโสภา

                โสภาหันไปพยักหน้ากับคนรับใช้ให้ออกไปนอกห้อง

                “เกี่ยวกับของนี้น่ะค่ะ”  โสภาตอบแล้ววางถุงผ้าเล็กสองถุงบนโต๊ะ

                สุรกียรติหยิบถุงสองใบนั้นยื่นให้ไกรศักดิ์ เขารับมาแล้วเทก้อนวัตถุสีเหลืองเหลือบลายและก้อนสีเหลือบน้ำเงินเงาเป็นประกายลงบนฝ่ามือ ทันทีที่สัมผัสเขารู้สึกขนลุกเกลียวฝ่ามือหนักอึ้งจนต้องแยกอีกก้อนไปถือคนละมือจึงรู้สึกเป็นปกติ ไกรศักดิ์มองหน้าทั้งสองคน

                “เอามาจากไหน”  ไกรศักดิ์ถาม

                “โจกับพีเอามาให้ค่ะคุณพี่ บอกว่าได้มาจากบ้านชาวบ้านที่ไปส่งของ”  โสภาตอบ

                “มันคืออะไรครับพี่ไกร”  สุรเกียรติถามพี่ชาย

                “ยังไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย มีอานุภาพสูง และ..”  ไกรศักดิ์พูดค้าง

                “และอะไรครับพี่”  สุรเกียรติถามจ้องหน้าพี่

                “น่าจะอยู่ผิดที่ผิดทางนะ”  ไกรศักดิ์ตอบ

                “ตั้งแต่ได้ของสองชิ้นนี้มาก็มีเรื่องแปลกๆค่ะคุณพี่”  โสภาบอก

                “แปลกยังไง”  ไกรศักดิ์ถาม

                “หลังๆนี่ยายเงาะนอนละเมอเสียงดังบ่อยๆ พูดจับความไม่ได้ค่ะ”  โสภาเล่า

                “มีอยู่วันนึง เกิดมีลมแรงพัดในบ้านค่ะ ต้นไม้ไหวมากเลยนะคะ แต่นอกบ้านไม่มีลม”  โสภาเล่าต่อ

                “แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นเพราะของสองชิ้นนี้ล่ะ”  ไกรศักดิ์ถามยกมือกอดอกแขนพาดโต๊ะ

                “ตอนแรกก็ไม่ทราบหรอกค่ะ จนคืนนึงที่ยายเงาะละเมออีก ดิฉันเข้าไปดูลูกแล้วพบว่าในมือเค้ากำก้อนสีน้ำเงินนั่นไว้ค่ะคุณพี่”  โสภาเล่าให้ไกรศักดิ์ฟัง

                “อืม..ไม่ต้องตกใจนะ ของสองชิ้นนี่เป็นสิ่งที่ดี เอาเป็นว่าฉันจะเอาของนี่ไป แล้วดูซิว่าจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที ของสองชิ้นนี่ไม่ใช่อัญมณีหรอกนะ ไม่กลัวฉันโกงเอาไปใช่มั้ย”  ไกรศักดิ์ถาม

                “โธ่พี่ไกร โกงเกิงอะไรกัน ผมกับลูกเมียมีวันนี้เพราะพี่ไกร พี่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ชายของผม”  สุรเกียรติพูดแล้วน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงวันที่ผ่านมาในชีวิต พาให้โสภาน้ำตาคลอไปด้วย

                “เงินพี่ก็มากมายไม่มาเอาสักที”   สุรเกียรติพูด
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่