แบ่งปันประสบการณ์ "สอบบรรจุครูผู้ช่วยได้" โดยใช้เวลาเตรียมตัว 1 เดือน

พาพันขยัน
ช่วงนี้มีข่าวจะเปิดสอบบรรจุข้าราชการ ครู ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ (ว.3/2558)

ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ การเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ
ให้ พี่-น้อง เพื่อนครู ลองนำไปปรับใช้ดูครับ

ขอออกตัวก่อนว่า ผมเรียนไม่เก่งและไม่มีเส้นสาย
พื้นเพผมเป็นเด็กชนบท มาจากครอบครัวคนจน
แม่...ไม่ได้เรียนหนังสือ พ่อ...เรียนจบ ม.6 กศน.
ทั้งสองมีอาชีพรับจ้าง แต่ก็สามารถหาเงินส่งผมเรียนจนจบ ปริญญาตรี

ผมเรียนที่ราชภัฏ จบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2.49
หลังเรียนจบก็ทำงานเอกชน 1 ปี เป็นครูอัตราจ้าง 1 ปี
ระหว่างเป็นอัตราจ้างผมก็เรียน ป.บัณฑิต (วิชาชีพครู)ไปด้วย

เรียนจบ ป.บัณฑิต เดือน มีนาคม ปี 53
ได้ใบประกอบวิชาชีพเดือนเมษายน
สอบบรรจุครั้งแรก เมื่อเดือน พฤษภาคม
โดนเรียกบรรจุวันที่ 23 กรกฎาคม
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในปีเดียวกัน

ปัจจุบัน เป็นข้าราชการครู สังกัด สพม.36
อายุราชการ เข้าปีที่ 5 ละครับ

ในช่วงเตรียมตัวก่อนสอบ (เดือนเมษายน)
ผมได้ออกแบบตารางเตรียมตัวอ่านหนังสือของตัวเอง
และลงมือทำตามตารางอย่างเคร่งครัด

ผลลัพธ์ที่ได้จากตารางนี้ อยู่ในระดับพอใช้ครับ
สอบบรรจุครั้งแรกปี 2553 ได้ที่ 11  (ประถม) สพป.เชียงราย เขต 3
ครั้งที่สอง (สอบย้ายขึ้นมัธยม )ปี 2554 ได้ที่  5 (มัธยม) สพม.36
และครั้งล่าสุด(สอบย้ายกลับบ้าน) 2557 ไม่ได้ใช้ครับ ฮ่าๆๆ ได้ที่ 20 (มัธยม) สพม.36

ครั้งหลังสุดที่ไปสอบ ไม่ได้ทบทวนตามตารางเลย
แต่ตอนเข้าสอบก็ยังจำความรู้ต่างๆที่เคยอ่านไว้เมื่อคราวสอบครั้งแรกได้
ลองดูรายละเอียดการเตรียมตัวจากตารางครับ…



ในการเตรียมตัวอ่านหนังสือ ผมจะให้ความสำคัญในการสร้าง สมาธิ
เนื่องจากผมเป็นเด็กที่เคยอยู่วัดมาก่อน เห็นพระต้องทำวัตรเช้า – เย็น หลังจากทำวัตร
ก็นั่งสมาธิต่อประมาณครึ่งชั่วโมง สังเกตว่า พระ เกือบทุกรูป สามารถท่องบทสวดมนต์
โดยที่ไม่ต้องดูหนังสือ และยิ่งพระที่เก่งๆ
ตัวอย่างเช่น

หลวงพ่อ พุทธทาส ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ปอ.ปยุตโต) ,พระไพศาล วิสาโล , พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

สามารถจดจำหลักธรรมคำสอนในพระไตรปิฏก
ที่มีมากมาย ได้อย่างแม่นยำ อยากบรรยายเรื่องไหน พระสูตรไหน ก็หยิบมาพูดได้ทันที
จะเห็นได้ว่าคนที่มีสมาธิ สามารถจดจำอะไรได้ดี เราอยากจำเนื้อหาเพื่อเอาไปสอบ
ดังนั้นเราต้องมีสมาธิ

สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือ มื้อเช้า
เป็นมื้อที่เน้นที่สุด ต้องทานทุกวัน ขาดไม่ได้ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
และจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ บอกว่า มื้อเช้าเป็นมื้อที่ช่วยกระตุ้นการทำงาน
ของระบบต่างๆในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
รวมถึงวิถีชีวิตของปราชญ์ เช่น พระเกจิ ดังๆ ต่างก็ทานมื้อเช้าทั้งนั้น
มื้ออื่นๆ ไม่ว่ากันครับ ตามสะดวก มื้อเย็นงดได้ยิ่งดี

ต่อมาก็เรื่องการนอนครับ
จากตาราง จะมีเวลานอน 5 ชั่วโมง
ตรงนี้สัมพันธ์กับการสวดมนต์นั่งสมาธิ ตอนก่อนจะนอน
ผมสังเกตุว่า ถ้าวันไหนสวดมนต์นั่งสมาธิ ผมจะนอนหลับสนิท
ตื่นมา รู้สึกสดชื่น มีเรี่ยวแรง เหมือนโด๊ปยาทั้งวัน 55+

ช่วงที่ทำ รู้สึกแบบนี้จริงๆ ส่งผลให้ผมอ่านอะไรก็เข้าใจไปหมด
อันนี้ไม่ได้โม้นะครับ ลองทำดู ช่วง 3 วันแรกนี่ วัดใจเลย
แต่พอผ่านเข้าวันที่  4 ทำอะไรก็ดีไปหมด
ผมทำแบบนี้อยู่ 1 เดือนก่อนไปสอบ

ส่วนเรื่องเวลา ที่ผมกำหนดให้ตื่นนอนตี 2
ก็ใช้หลักการทำงานของนาฬิกาชีวิต
ที่มีนักวิทยาศาสตร์เขาวิจัยมา

    อย่าเพิ่งเชื่อที่ผมบอกครับ ให้ใช้หลัก "กาลามสูตร " พิสูจน์ด้วยตัวท่านเองก่อน

ขอย้ำว่า..ต้องอดทนและมีวินัย ทำให้ได้ตามที่เราวางไว้
ภารกิจ 1 เดือนเพื่อเป้าหมาย และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทำแค่นี้สบายมากครับ ลองคิดดูครับ เรามีเวลาไปสังสรรค์ทั้งคืน
มีเวลาไปเที่ยวเป็นวันๆ กับแค่เจียดเวลามาอ่านหนังสือเพื่อตัวเองทำไมจะทำไม่ได้


เป็นกำลังใจให้ว่าที่ครูผู้ช่วยทุกคน ลองแล้วได้ผลยังไง มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ..

อมยิ้ม36พาพันไฟท์ติ้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่