แชร์เรื่องตัวเอง จาก นศ.มาเป็นเด็กเสริฟ มาเป็นพนง.ประจำ มาเป็นเชฟ มาเป็นบาริสต้า มาเป็นเจ้าของรถกาแฟสมใจ

สวัสดีค่ะ ขอเล่ายาวนิดนึงค่ะ อยากแชร์เรื่องของตัวเองที่พอกลับไปนึกดูทีไร ก็ดูตลกดีเหมือนกันค่ะ กว่าจะมาถึงตอนนี้ สิ่งต่างๆ ในอดีตมันทำให้มีปัจจุบันจริงๆ ค่ะ แม้จะยังไม่ประสบณ์ความสำเร็จอะไร แต่ก็อยากแชร์ให้เป็นกำลังใจ ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนเก็บเกี่ยวทุกประสบการณ์จากปัจจุบันไว้เยอะๆ เผื่ออนาคตจะได้หยิบสักประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ค่ะ

เริ่มจากได้เรียนในคณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ม.ราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ค่ะ
ตอนปี1 อยากหนีซ้อมเชียร์จึงหางานพิเศษทำค่ะ ซึ่งก็ได้ผล และหลังจากนั้นก็ทำงานพิเศษเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมร้านเดียวทั้ง 4 ปีเลยค่ะ (จนเรียนจบ) ในเวลา 4 ปีที่ทำไม่ได้เป็นแค่เด็กเสริฟนะคะ เป็นทั้งคนในครัว ล้างจาน แคชเชียร์และบาร์น้ำ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของกาแฟเรียนรู้การทำกาแฟ...

ระหว่างที่ทำงานร้าน สนิทกับเจ้าของร้านพอสมควร ซึ่งพี่เค้าเป็นคอกาแฟเลยได้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟมาจากพี่เค้าหลายอย่างค่ะ จนตอนนั้นเริ่มดื่มกาแฟสดตาม

พอเรียนจบก็ได้ทำงานเป็นกราฟฟิกดีไซน์ในบริษัททัวร์ จ.นนทบุรีค่ะ ช่วงนั้นได้มีโอกาสเป็นไกด์สตารฟ์เวลาออกทัวร์ด้วย ได้ไปหลายจังหวัด เหนือใต้ ออกตก เห็นสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ประทับสวนผึ้งค่ะ เพราะอากาศเหมือนที่บ้าน (ลำปาง) เช้าหนาวๆเย็นๆ กลางวันแดดร้อนได้ใจ บางทีมาเที่ยวเองบ่อยเพราะมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ด้วยเลยพากันเที่ยว ก็เก็บประสบการณ์เที่ยวไปเรื่อยๆ จนอยู่บ.ทัวร์เกือบ 2 ปีก็ลาออกค่ะ เพราะมีความคิดบางอย่างที่อยากจะทำ...

ลาออกแล้วกลับมาอยู่เชียงใหม่ค่ะ มารับงานอิสระค่ะ เป็นช่างภาพบ้าง รับออกแบบบ้าง ฯลฯ ระหว่างนั้นได้มีโอกาสคุยกับเจ้านายเก่าด้วย (เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น) ว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง อะไรก็ได้ที่เราอยู่กับมันได้ยาวๆ ซึ่งตอนนั้นก็มีไอเดียหลายอย่าง และก็มีรถขายอาหารอยู่ในหัวด้วยอย่างหนึ่ง

ตอนแรกอยากทำรถขายอาหารญี่ปุ่นในราชบุรี พอดีญาติทำงานที่นี่ มีพี่ที่รู้จักขายของในตลาดราชบุรีด้วย เลยมุ่งมาที่ราชบุรีเลยค่ะ อารมณ์แบบอยากมาขายราเม็งในหุบเขาสวนผึ้งไรงี้ค่ะ

พอไปๆ มาๆ ก็คิดได้ว่ารถขายอาหารมันทำลำบาก ต้องมีเตา โต๊ะนั่ง กระทะก็ล้างลำบาก ฯลฯ เลยหยุดชะงักไป แต่ด้วยความติสแตกก็เลยย้ายมาทำงานที่ราชบุรีซะเลย เพราะที่บ้านเริ่มกังวนว่าเราไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง บวกกับความคิดตอนนั้นที่อยากอยู่ที่ใหม่ๆ ต่างบ้านต่างเมือง แต่ก็ไม่กล้าไปที่อื่นๆ (เพราะที่ราชบุรีมีคนรู้จัก) เลยมาที่ราชบุรี

เริ่มแรกสมัครทำร้านอาหารค่ะ อารมณ์เบื่อๆ งานออกแบบ แต่ก็ดันได้ทำงานในร้านแว่น เป็นกราฟฟิกดีไซน์ขายแว่นในเน็ต ออกแบบโปสเตอร์ ฯลฯ ซะงั้น (เพราะเจ้าของร้านอาหารที่ไปสมัครทีแรกมีร้านแว่นด้วยก็เลยตามเลย) แต่พอทำร้านแว่นได้สามวัน ก็ได้ย้ายไปทำงานในร้านอาหารสมใจ ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ ระหว่างนั้นมีโอกาสไปแข่งขันออกงานด้วย สนุกมากกับการทำอาหาร จนได้โอกาสเป็นเชฟเต็มตัวในที่สุด ซึ่งระหว่างที่งานเป็นเชฟอยู่นั้น ก็ได้มีเรื่องให้กลับมาคิดถึงการทำรถขายอาหารอีกครั้ง...เพราะได้กลับไปเชียงใหม่

ช่วงปีเดียวกัน พี่สาวจะไปทำงานต่างประเทศ เราจึงต้องขึ้นไปส่งที่เชียงใหม่ และก็ได้ไปพบปะพูดคุยกับเจ้าเก่าอีกครั้ง (เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น) คราวนี้พี่เค้าได้ทำเรื่องราวดีๆ ของศูนย์คาทอลิกแม่พระราชินีแห่งสันติภาพมาเล่าให้ฟัง พี่เค้าบอกว่ามีกาแฟที่ปลูกโดยชาวกระเหรี่ยงที่ลำปาง มีคุณภาพดีกลิ่นหอมมาก เป็นอาราบีก้าแท้ที่รายได้คืนสู่ชุมชนชาวเขา พอฟังปุ๊บก็ทำให้นึกรูปของในหลวงรูปนึงซึ่งเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว เป็นรูปที่ในหลวงทรงนั่งดื่มกาแฟเมื่อครั้งเสด็จไปบนเขาให้ชาวเขาปลูกกาแฟแทนฟิ่น ซึ่งชาวเขาก็พยายามปลูกกาแฟจนสำเร็จ (ปลูกเพียง 1 ต้นเท่านั้น) แต่นั่นก็เป็นเรื่องน่ารัก ที่พอนึกถึงกาแฟชาวเขาทีไร ก็จะนึกถึงเรื่องนี้ตลอด

กลับมาที่ราชบุรี คิดไปมาอยู่นานแล้วทั้งหมดก็รวมกันเหมือนโกโก้ครั้นช์พอดี รถ+กาแฟ+ขายในสวนผึ้ง+คืนสู่ชาวเขา = รถขายกาแฟ ช่วงนั้นอยากหารถและทำร้านกาแฟจริงๆ จังๆ สักที เลยออกจากการเป็นเชฟเพื่อจะได้ไปดูเรื่องรถกาแฟ แต่เส้นทางก็ไม่ได้ราบรื่น เมื่อเงินทุนไม่พอใช้ จึงหาหุ้นส่วน (โชคดีมากที่ได้คนคอเดียวกันมาทำด้วย) แต่ก็ยังหารถไม่ได้อยู่ดี จึงหางานทำไปพรางๆ

ตอนแรกไปหางานกราฟฟิกแต่ก็ไม่ทำ (กลัวบริษัทเสียเวลาสอนงานเรา) จึงลองหางานรายวันทำ แล้วมาเจองานที่ร้านขนมแห่งหนึ่ง ก็บอกพี่เจ้าของร้านไปตรงๆ ว่าเรามาหางานทำช่วงสั้นๆ เพราะอยากทำรถกาแฟอยากขายกาแฟ แต่ยังไม่ลงตัวหลายอย่างจึงต้องหางานทำไปก่อน พี่เค้าก็โอเคและไม่เกียงที่รับเราเลย แถมยังช่วยสอนเราฝึกให้ทำกาแฟด้วยซ้ำ เราเป็นบาริสต้าที่ร้านขนม2-3 เดือนค่ะ จึงตัดสินใจลาออก

ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่า"รอไม่ได้แล้ว" ถ้าไม่ทำมัวรอหารถได้ก่อนรอได้แบบก่อนก็จะไม่ได้ทำสักที จึงทุบหม้อข้าวแล้วก็เริ่มหารถ หาแบบจริงๆ จังๆ (อารมณ์แบบว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่มีเงินซื้ออะไรกินแล้ว) จนกระทั่งเราได้รถมาและพร้อมทำที่จะลุยกับมันจริงจัง


จนทำรถสำเร็จค่ะ แบบร้านก็ประมาณนี้ค่ะ ออกมาก็คล้ายๆ นะ


ตอนแรกว่าจะไปจ้างทำ แต่พอสอบถามราคา แบบทั่วๆ ไป 5-7 หมื่นเลยค่ะ เลยว่าทำเองดีกว่า ไปๆมาๆ หาวัสดุทำไม่ได้ (ทำงานวัสดุอื่นๆ ไม่เป็น) จึงเลือกไม้ค่ะ แต่ไม้ก็ไม่ทนแดดฝน จึงต้องเอามาหลบข้างในทำเป็นฉากแทน ...กว่าจะเสร็จก็หลายเดือน 3-4 เดือน ทั้งขัด ตัด ถู ทา ผิดถูกสลับกันไป จนออกมาเป็นรถดั่งใจจนถึงทุกวันนี้



จบแล้วค่ะ สำหรับประสบการณ์เรื่องตัวเอง ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ ชีวิตก็หมุนเวียนกันไปค่ะ มีโอกาสอะไรเข้ามาก็จะพยายามเรียนรู้มัน
เพื่อนๆ คนไหนที่มีความฝันมีความคิดอยากทำสิ่งที่ต้องการแล้วยังไม่ได้ทำก็อย่าพึ่งทิ้งมันนะคะ ถึงแม้จะไม่ได้ทำตอนนี้ก็เก็บไว้ค่ะ วันนึงอาจจะกลายเป็นไอเดียที่ผสมกับอะไรดีๆ แบบใหม่ก็ได้นะคะ

ตอนนี้ได้ทำร้านกาแฟบนรถสมใจแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปค่ะ ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง จากนี้เรายังต้องลุยต่อไปอีกยาวๆ ค่ะ ใครที่กำลังสู้กับอะไรก็ตามแต่อยู่ ก็อย่าพึ่งถอยนะคะ สู้ๆ ไปด้วยกันค่ะ

ขอบคุณค่ะพาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่