[CR] Review -- The Hunger Games: Mockingjay Part 1 -- เมื่อเราไหม้ คุณต้องไหม้ไปกับเรา ! (เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน)

*** รีวิวนี้เปิดเผยเนื้อหาทั่วไปในย่อหน้าปกติ
และจะมีส่วนที่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ซึ่งเก็บไว้ในลิ้นชักสปอยล์ ***


--------------------------
อ่าน "15 ประเด็นน่ารู้ก่อนไปดู The Hunger Games: Mockingjay Part 1 + เกร็ดน่ารู้จากหนัง"
http://pantip.com/topic/32875782
--------------------------


หลังจาก Catching Fire ปิดเรื่องราวเอาไว้ได้น่าตื่นเต้น ทำให้อยากดู Mockingjay Part 1 ต่อทันที แต่ต้องรอมาเกือบปีกว่าผลงานเรื่องนี้จะเข้าฉาย ในระหว่างนั้น ผมก็อ่านหนังสือ Mockingjay ไปพลางๆก่อน เพราะซื้อไว้ตั้งนานยังอ่านไม่จบซะที เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือค่อนข้างที่จะน่าเบื่อไปซักหน่อย บทสนทนามากมาย เยอะกว่าหนังสือ 2 เล่มที่อ่านมาซะอีก ทำให้คิดไปล่วงหน้าแล้วว่า Mockingjay Part 1 ที่กำลังจะเข้าฉาย อาจน่าเบื่อก็เป็นได้ เพราะไม่รู้ว่าผู้กำกับจะแปลงจากตัวหนังสือไปเป็นภาพให้สนุกขึ้นได้อย่างไร



เรื่องราวของ Mockingjay ความจริงไม่น่าทำออกเป็นหนัง 2 ภาค เพราะเท่าที่อ่านมา เนื้อหาความสนุกจริงๆมันจะหนักไปทางท้ายเล่ม นั่นหมายความว่า ช่วงต้นๆเป็นเพียงแค่เกริ่นนำ ถ้าหยิบมาทำเป็นหนัง ก็จะให้อารมณ์คล้ายๆกับ Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 หนังภาคจบซีรีย์พ่อมดที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็วิ่งไปวิ่งมาในป่า ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นอย่างนั้นซะจริงๆ Mockingjay Part 1 ค่อนข้างน่าเบื่อ ให้อารมณ์เหมือนกับในหนังสือ ใครที่หวังว่าจะมีฉากแอ๊กชั่นเข้มข้นอย่าง 2 ภาคที่ผ่านมาก็ต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ เพราะประเด็นที่เล่าไม่มีการแข่งขันเกมล่าชีวิตอีกต่อไปแล้ว

เรื่องราวสืบเนื่อง


ในฉากสุดท้ายของ Catching Fire หลังจากที่ แคทนิส ระเบิดสนามพลัง ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เธอถูกจับตัวขึ้นไปบนยานฮูเวอร์คราฟท์โดยกองกำลังกบฏ ในขณะที่บรรณาการที่เหลือถูกจับไปโดยแคปิตอล แคทนิสได้รู้ว่าเธอถูกหักหลังโดย เฮย์มิตช์ อเบอร์นาธี พี่เลี้ยงของเขต 12 ที่วางแผนร่วมกับเขต 13, พลูตาร์ค เฮฟเว่นสบี ผู้คุมเกมคนใหม่ และบรรณาการอีกหลายคนในเกมล่าชีวิต เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่เธอไม่รู้มาก่อน เรื่องราวจบลงตอนที่เธอทราบว่า เขตการปกครองที่ 13 ที่หายสาบสูญไปแล้ว ยังมีชีวิตรอดจากการกบฏครั้งสุดท้ายเมื่อ 75 ปีที่ผ่านมา

เรื่องราวใน Mockingjay Part 1 กล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น แคทนิสถูกพาตัวเข้าไปยังเขต 13 เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ ฟินนิค โอแดร์ บรรณาการเขต 4 ที่ร่วมแข่งขันกับเธอในเกมล่าชีวิตครั้งล่าสุด ในช่วงที่เธอฟูมฟักรักษาตัวหลังเหตุการณ์ระเบิดสนามพลัง แคปิตอลได้ส่งยานบินสังหารมาถล่มเขตการปกครองที่ 12 จนเหลือแต่ซาก ซึ่งทำให้หลายชีวิตต้องสูญสิ้นในกองเพลิง มีเพียงไม่กี่ชีวิตเท่านั้นที่มีชีวิตรอด เดินทางระหกระเหเร่ร่อนมาอยู่ในการดูแลของเขต 13 ในจำนวนนั้นมีแม่ของแคทนิส, พริมโรส น้องสาว และเกล ที่รอดชีวิตมาด้วย

แคทนิสที่บาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อรู้ว่าพีต้าไม่ได้หลบหนีมาพร้อมกัน จึงเป็นหนึ่งในแรงผลักที่ทำให้เธอยอมทำตามคำร้องขอจากเขต 13 ในฐานะ “ม็อกกิ้งเจย์” สัญลักษณ์แห่งการต่อต้านอำนาจแคปิตอล เครื่องมือปลุกระดมมวลชนพาเน็มด้วยการลุกขึ้นมาทวงอำนาจ และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในฐานะวีรสตรี ที่มวลชนพาเน็มทั้งหลายได้รู้จุดประสงค์ว่าพวกเขาจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร

ประเด็นสำคัญ


เรื่องราวอันเข้มข้นในฉบับหนังสือเล่าถึงการสร้างโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ให้คำนิยามว่า การมีสื่อในมือสามารถสร้างความเพลี่ยงพล้ำให้แต่ละฝ่ายได้ ใครกุมสื่อได้ คนนั้นมีอำนาจ พยายามสร้าง propaganda เพื่อโน้มน้าวช่วงชิงอำนาจทางการเมือง โดยแต่ละฝ่ายมีตัวแทนที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งการปลุกระดมมวลชน แคทนิสกลายเป็น “ม็อกกิ้งเจย์” ให้กับฝ่ายกบฏ ในขณะที่ฝ่ายแคปิตอลมี พีต้า ที่พูดจาหว่านล้อมมวลชนให้หลงเชื่อได้ในคำพูดเพียงไม่กี่คำ



ทั้งในหนังสือและในหนังได้กล่าวไว้ว่า “อาวุธที่ร้ายแรงและน่ากลัวที่สุด คือสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด คือสิ่งที่เป็นที่รักมากที่สุด” คนรักใกล้ตัวของแคทนิสถูกใช้เป็นเครื่องมือปั่นหัวเธอและโน้มน้าวมวลชนในคราวเดียวกัน นี่คือการต่อสู้ที่เข้มข้นทางด้านความคิดและการแสดงสีหน้าแววตา จึงเป็นเหตุให้หนังภาคนี้มีแต่เรื่องราวการปลุกระดมมวลชน การสร้าง propaganda การช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ให้อารมณ์เหมือนสงครามเย็นที่รอวันกลายเป็นสงครามร้อน ไม่ได้มีแอ๊กชั่นตื่นเต้นเร้าใจอย่างใน 2 ภาคที่ผ่านมาเลย

สัญลักษณ์ที่สื่อออกมา




“ม็อกกิ้งเจย์” คือ นกพันธุ์ผสมระหว่าง แจ็บเบอร์เจย์ กับ ม็อกกิ้งเบิร์ด ในอดีตที่ผ่านมา นกแจ็บเบอร์เจย์เป็นนกตัวผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยแคปิตอลเพื่อสอดแนมการกบฏของมวลชนพาเน็ม แจ็บเบอร์เจย์มีความสามารถในการจดจำและเลียนเสียงคำพูดของมนุษย์ เพื่อนำมาบอกเล่าแก่แคปิตอลได้ทุกคำพูด แต่ภายหลังมีประชาชนบางกลุ่มรู้ถึงความลับในข้อนี้ จึงพร่ำบอกแต่เรื่องที่บิดเบือนจากความจริง ส่งผลให้แคปิตอลทิ้งให้แจ็บเบอร์เจย์สูญพันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ แต่ก่อนที่จะสูญพันธุ์ ได้มีนกแจ็บเบอร์เจย์ตัวหนึ่งไปผสมพันธุ์กับนกม็อกกิ้งเบิร์ดตัวเมีย ให้กำเนิดสายพันธุ์ใหม่ในนาม “ม็อกกิ้งเจย์” ที่ยังคงความสามารถในการจดจำและเลียนเสียงคำพูดของมนุษย์มาด้วย

การพบม็อกกิ้งเจย์ที่ใด จึงเป็นเสมือนตราบาปของแคปิตอลที่ถูกกบฏหักหลัง และเป็นเครื่องเตือนใจให้แคปิตอลว่า การชะล่าใจกับสิ่งที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง คิดว่ามันจะไม่มีวันหวนกลับมาได้ เป็นความคิดที่ผิดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มคิด ดังนั้นนกม็อกกิ้งเจย์, เข็มกลัดม็อกกิ้งเจย์ และแคทนิส ที่กลายเป็น “ม็อกกิ้งเจย์” จึงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการโค่นอำนาจจากแคปิตอล



“การชู 3 นิ้ว” เป็นเครื่องหมายการแสดงออกของประชาชนเขต 12 ที่หมายถึง ชื่นชม, ขอบคุณ และลาก่อน (admiration, gratitude and saying goodbye) วิธีการแสดงออกคือ การใช้นิ้วตรงกลางทั้ง 3 นิ้วของมือซ้าย (นิ้วชี้, นิ้วกลาง, นิ้วนาง) แตะที่ริมฝีปาก ก่อนจะชูขึ้นเหนือหัว เพื่อแสดงการเคารพต่อคนที่กล่าวถึง ในหนังสือจะใช้มือซ้าย ส่วนในหนังจะเปลี่ยนมาใช้มือขวา

สัญลักษณ์นี้ให้ความหมาย 2 ประการ ประการแรกคือ การแสดงความเคารพถึงการกระทำของฝ่ายเดียวกัน อีกประการคือ การแสดงการต่อต้านของการกระทำของอีกฝ่าย

ในหนัง Mockingjay Part 1 จะเห็นได้ว่า ตัวละครที่อยู่ฝ่ายเดียวกันแต่แสดงสัญลักษณ์ไม่เหมือนกัน หากใครได้อ่านหนังสือจนจบเล่มแล้วคงจะรู้ถึงความหมายนี้ดี

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อ่านที่เหลือได้ในความเห็น 1 ครับผม
ชื่อสินค้า:   The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 (2014)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่