พันแสงรัก
ความรัก... ให้แสงสว่างกระจ่างใจ
ขออย่า... ปล่อยให้ความเกลียดชัง
มาบังแสงแห่งความรัก
ขอให้... พันแสงรัก... ส่องสว่าง
ร้อยรัดสองหัวใจให้เคียงคู่
ตอนที่ ๓ แสงในเงา
แขนแข็งแรงสอดรอบเอวเข้ามาจากเบื้องหลัง รั้งนุ่มนวลให้เธอเอนพิงอ้อมอกกว้าง พร้อมกับที่ปลายจมูกโด่งคมกดหนักๆ ลงที่ผิวแก้มนุ่มนิ่งนาน แล้วเลื่อนไปซบนิ่งอยู่กับไหล่เธอ
หญิงสาวปล่อยใจให้เป็นสุขอยู่ในวงแขนอบอุ่นนั้น แต่ความคุ้นเคยและความละเอียดอ่อนของผู้หญิงทำให้ครู่เดียวเธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ท่าทีที่ซุกซบเป็นเพราะต้องการที่พักพิงทางใจที่เหนื่อยล้าไม่ใช่เพราะความร้อนแรงของอารมณ์แน่
เขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจจนกลับมาถึงบ้านหรือ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบต้นแขนเธอไปมาแผ่วเบา ชายหนุ่มเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนที่เธอเริ่มคุ้นชินยังนิ่งเงียบ เม้มริมฝีปากอย่างคนตัดสินใจไม่ตก
ว่าที่เจ้าสาวจึงพลิกตัวหันกลับมาหาเจ้าของอ้อมแขน ยื่นริมฝีปากไปสัมผัสแก้มเขาแบบที่เขาขอให้เธอทำทุกครั้งที่เขาเสร็จภารกิจกลับมาถึงบ้าน มองสีหน้ากังวลแกมอ่อนล้าของเขาอย่างไม่สบายใจ
“วันนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือคะ”
ไศลพยายามจะยิ้มให้ “ผมไม่เคยปิดบังอะไรคุณได้เลย จริงๆ นะ”
หญิงสาววางผ้าเนื้อนุ่มลื่นมือที่กำลังพับเป็นกลีบดอกไม้เตรียมไว้เป็นของชำร่วยแจกแขกผู้ใหญ่ในมือไว้ทางหนึ่ง สายตาที่ทอดมองผู้เป็นที่รักเปี่ยมด้วยอาทร ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเธอก็ยินดีเผชิญทุกสิ่งเคียงข้างเขา คลี่ยิ้มละมุนปลอบประโลม
“ฉันรักคุณนี่คะ”
ไศลมองตอบเธออย่างแสนรักเช่นกัน ซึมซับคำง่ายๆ แต่เป็นยิ่งกว่าน้ำทิพย์นั้นไว้เต็มหัวใจ เน้นย้ำเสียงหนัก “ผมก็รักคุณ รักมาก”
นักรบเกรียงไกรเมื่อปักหลักรบลงที่ใด จะยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นแม้ต้องสิ้นชีพ เช่นกัน... เมื่อปักหลักใจไว้ที่ใด ย่อมมิมีวันถ่ายถอนคลอนแคลน
“และเพราะรักคุณ สิ่งใดที่ทำแล้วคุณเป็นทุกข์ ผมจะไม่ทำสิ่งนั้น” ในความรัก ย่อมปรารถนาให้เธอมีความสุข ยินดีปกป้องเธอไว้จากเรื่องทุกข์ร้อนทั้งปวง
ตโมนุทมองเขาอย่างค้นคว้า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
“ตอนนี้... ยังไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”
เรื่องที่จะทำให้เขาไม่สบายใจ อิหลักอิเหลื่อที่จะทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่างลงไปเพราะเห็นแก่เธอ คงไม่พ้น... “คุณพ่อหรือพี่ส่ายีทำอะไรหรือเปล่าคะ”
ไศลโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากนวลหนักๆ แล้วกระซิบบอก “อันนาแจ้งเข้ามา พี่ชายคุณ... ส่ายีลักลอบผ่านชายแดนเข้ามาแถวๆ ท่าเรือโฮม่า”
“ตายจริง!”
“เท่าที่ผมได้รับรายงานก่อนกลับมานี่ ยังไม่มีใครตายหรอก” บาวีหนุ่มแกล้งกระเซ้าหญิงสาวให้คลายความตกใจ “ผมกำชับอันนาไปแล้ว ให้หลีกเลี่ยงการปะทะ คุณสบายใจได้”
“ไม่รู้ว่าพี่ส่ายีจะแอบเข้ามาทำอะไรนะคะ”
“เท่าที่ผมเดา เขาคงไม่ได้ตั้งใจเข้ามาฆ่าใครหรอก มีคนติดตามไม่กี่คน ไม่ได้พกอาวุธสงครามร้ายแรง คงแค่เข้ามาดูลาดเลาหรือสืบหาอะไรบางอย่างมากกว่า” แต่อะไรบางอย่างที่ว่านั่นคงสำคัญมาก ขนาดทำให้ส่ายีถึงกับลงทุนเสี่ยงมาด้วยตัวเอง เขาจะต้องรู้ให้ได้ ว่าพี่ชายคนรักลักลอบเข้ามาทำอะไร
คราวนี้ตโมนุทเป็นฝ่ายถอนหายใจหนักๆ บ้าง สีหน้าหนักใจไม่ผิดกับชายหนุ่มตอนที่เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ปรารภออกมา “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พี่ส่ายีถึงจะยอมเจรจายุติสงครามกับเรานะคะ”
ไศลนิ่งไปอึดใจ แล้วตัดสินใจบอกออกมา “ระยะหลังๆ มานี้ เท่าที่ผมรู้ ดูเหมือนนายพลเส่งกาจะปล่อยให้พี่ชายคุณเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสันติภาพในสิมขาล เพราะส่ายีดูมีจะนโยบายที่เน้นหนักไปทางด้านเศรษฐกิจมากกว่าการทหาร”
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะต้องรบรากับทหารที่ฝักใฝ่อำนาจอย่างเส่งกา หรือจะต้องรับมือกับพ่อค้าหน้าเลือดจ้องตักตวงแต่ผลประโยชน์อย่างส่ายี ก็ไม่ดีสำหรับสิมขาลสักอย่าง
“คุณแน่ใจนะคะ ว่าจะยอมให้คุณพ่อกับพี่ส่ายีมาร่วมงานแต่งงานของเราได้”
แขกที่จะมาร่วมพิธีมงคลสมรสของบาวี ซึ่งถือเป็นผู้นำสูงสุดทางทหารของรัฐสิมขาลคงคับคั่งมหาศาล การจะจับตามองการเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของคนเพียงคนเดียวย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าส่ายีจะไม่อาศัยช่วงเวลาที่หาได้ยากแบบนี้ลงมือทำอะไรบางอย่าง
ไศลมองมองท่าที่หนักใจของผู้หญิงคนเดียวที่เขารักแล้วยิ้มปลอบให้เธอสบายใจ “งานแต่งงานเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคุณ คุณคงอยากให้คนในครอบครัวมาร่วมงานด้วย ไม่เป็นไรหรอก ผมคิดว่าผมรับมือเขาได้ คุณอย่าลืมสิ ว่าเจ้าบ่าวของคุณน่ะ เป็นถึงบาวีของสิมขาลเชียวนะ”
ดูเหมือนทั้งรอยยิ้มและถ้อยคำติดจะอวดโอ่ตนเองไปหน่อยของเขาจะได้ผล เพราะหญิงสาวช้อนตาค้อนคมอย่างหมั่นไส้ให้ทันที
“แหม...”
บาวีของสิมขาลเลยหัวเราะอย่างผ่อนคลายกับการลากเสียงยาวจงใจประชดของเธอ ยกฝ่ามือหนาขึ้นขยี้ผมนุ่มกลางกระหม่อมอย่างเอ็นดู อย่างน้อย... วิธีนี้ก็ช่วยให้ความหนักใจทั้งของเขาและเธอลดน้อยลงไปได้บ้าง
‘ส่ายี... หวังว่าผลของการที่ผมยอมปล่อยคุณกลับไปในวันนี้ จะทำให้คุณมอบมิตรภาพคืนกลับมาให้สิมขาลบ้างนะ’
พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) ตอนที่ ๓ แสงในเงา
ความรัก... ให้แสงสว่างกระจ่างใจ
ขออย่า... ปล่อยให้ความเกลียดชัง
มาบังแสงแห่งความรัก
ขอให้... พันแสงรัก... ส่องสว่าง
ร้อยรัดสองหัวใจให้เคียงคู่
แขนแข็งแรงสอดรอบเอวเข้ามาจากเบื้องหลัง รั้งนุ่มนวลให้เธอเอนพิงอ้อมอกกว้าง พร้อมกับที่ปลายจมูกโด่งคมกดหนักๆ ลงที่ผิวแก้มนุ่มนิ่งนาน แล้วเลื่อนไปซบนิ่งอยู่กับไหล่เธอ
หญิงสาวปล่อยใจให้เป็นสุขอยู่ในวงแขนอบอุ่นนั้น แต่ความคุ้นเคยและความละเอียดอ่อนของผู้หญิงทำให้ครู่เดียวเธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ท่าทีที่ซุกซบเป็นเพราะต้องการที่พักพิงทางใจที่เหนื่อยล้าไม่ใช่เพราะความร้อนแรงของอารมณ์แน่
เขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจจนกลับมาถึงบ้านหรือ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบต้นแขนเธอไปมาแผ่วเบา ชายหนุ่มเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนที่เธอเริ่มคุ้นชินยังนิ่งเงียบ เม้มริมฝีปากอย่างคนตัดสินใจไม่ตก
ว่าที่เจ้าสาวจึงพลิกตัวหันกลับมาหาเจ้าของอ้อมแขน ยื่นริมฝีปากไปสัมผัสแก้มเขาแบบที่เขาขอให้เธอทำทุกครั้งที่เขาเสร็จภารกิจกลับมาถึงบ้าน มองสีหน้ากังวลแกมอ่อนล้าของเขาอย่างไม่สบายใจ
“วันนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือคะ”
ไศลพยายามจะยิ้มให้ “ผมไม่เคยปิดบังอะไรคุณได้เลย จริงๆ นะ”
หญิงสาววางผ้าเนื้อนุ่มลื่นมือที่กำลังพับเป็นกลีบดอกไม้เตรียมไว้เป็นของชำร่วยแจกแขกผู้ใหญ่ในมือไว้ทางหนึ่ง สายตาที่ทอดมองผู้เป็นที่รักเปี่ยมด้วยอาทร ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเธอก็ยินดีเผชิญทุกสิ่งเคียงข้างเขา คลี่ยิ้มละมุนปลอบประโลม
“ฉันรักคุณนี่คะ”
ไศลมองตอบเธออย่างแสนรักเช่นกัน ซึมซับคำง่ายๆ แต่เป็นยิ่งกว่าน้ำทิพย์นั้นไว้เต็มหัวใจ เน้นย้ำเสียงหนัก “ผมก็รักคุณ รักมาก”
นักรบเกรียงไกรเมื่อปักหลักรบลงที่ใด จะยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นแม้ต้องสิ้นชีพ เช่นกัน... เมื่อปักหลักใจไว้ที่ใด ย่อมมิมีวันถ่ายถอนคลอนแคลน
“และเพราะรักคุณ สิ่งใดที่ทำแล้วคุณเป็นทุกข์ ผมจะไม่ทำสิ่งนั้น” ในความรัก ย่อมปรารถนาให้เธอมีความสุข ยินดีปกป้องเธอไว้จากเรื่องทุกข์ร้อนทั้งปวง
ตโมนุทมองเขาอย่างค้นคว้า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
“ตอนนี้... ยังไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”
เรื่องที่จะทำให้เขาไม่สบายใจ อิหลักอิเหลื่อที่จะทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่างลงไปเพราะเห็นแก่เธอ คงไม่พ้น... “คุณพ่อหรือพี่ส่ายีทำอะไรหรือเปล่าคะ”
ไศลโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากนวลหนักๆ แล้วกระซิบบอก “อันนาแจ้งเข้ามา พี่ชายคุณ... ส่ายีลักลอบผ่านชายแดนเข้ามาแถวๆ ท่าเรือโฮม่า”
“ตายจริง!”
“เท่าที่ผมได้รับรายงานก่อนกลับมานี่ ยังไม่มีใครตายหรอก” บาวีหนุ่มแกล้งกระเซ้าหญิงสาวให้คลายความตกใจ “ผมกำชับอันนาไปแล้ว ให้หลีกเลี่ยงการปะทะ คุณสบายใจได้”
“ไม่รู้ว่าพี่ส่ายีจะแอบเข้ามาทำอะไรนะคะ”
“เท่าที่ผมเดา เขาคงไม่ได้ตั้งใจเข้ามาฆ่าใครหรอก มีคนติดตามไม่กี่คน ไม่ได้พกอาวุธสงครามร้ายแรง คงแค่เข้ามาดูลาดเลาหรือสืบหาอะไรบางอย่างมากกว่า” แต่อะไรบางอย่างที่ว่านั่นคงสำคัญมาก ขนาดทำให้ส่ายีถึงกับลงทุนเสี่ยงมาด้วยตัวเอง เขาจะต้องรู้ให้ได้ ว่าพี่ชายคนรักลักลอบเข้ามาทำอะไร
คราวนี้ตโมนุทเป็นฝ่ายถอนหายใจหนักๆ บ้าง สีหน้าหนักใจไม่ผิดกับชายหนุ่มตอนที่เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ปรารภออกมา “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พี่ส่ายีถึงจะยอมเจรจายุติสงครามกับเรานะคะ”
ไศลนิ่งไปอึดใจ แล้วตัดสินใจบอกออกมา “ระยะหลังๆ มานี้ เท่าที่ผมรู้ ดูเหมือนนายพลเส่งกาจะปล่อยให้พี่ชายคุณเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสันติภาพในสิมขาล เพราะส่ายีดูมีจะนโยบายที่เน้นหนักไปทางด้านเศรษฐกิจมากกว่าการทหาร”
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะต้องรบรากับทหารที่ฝักใฝ่อำนาจอย่างเส่งกา หรือจะต้องรับมือกับพ่อค้าหน้าเลือดจ้องตักตวงแต่ผลประโยชน์อย่างส่ายี ก็ไม่ดีสำหรับสิมขาลสักอย่าง
“คุณแน่ใจนะคะ ว่าจะยอมให้คุณพ่อกับพี่ส่ายีมาร่วมงานแต่งงานของเราได้”
แขกที่จะมาร่วมพิธีมงคลสมรสของบาวี ซึ่งถือเป็นผู้นำสูงสุดทางทหารของรัฐสิมขาลคงคับคั่งมหาศาล การจะจับตามองการเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของคนเพียงคนเดียวย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าส่ายีจะไม่อาศัยช่วงเวลาที่หาได้ยากแบบนี้ลงมือทำอะไรบางอย่าง
ไศลมองมองท่าที่หนักใจของผู้หญิงคนเดียวที่เขารักแล้วยิ้มปลอบให้เธอสบายใจ “งานแต่งงานเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคุณ คุณคงอยากให้คนในครอบครัวมาร่วมงานด้วย ไม่เป็นไรหรอก ผมคิดว่าผมรับมือเขาได้ คุณอย่าลืมสิ ว่าเจ้าบ่าวของคุณน่ะ เป็นถึงบาวีของสิมขาลเชียวนะ”
ดูเหมือนทั้งรอยยิ้มและถ้อยคำติดจะอวดโอ่ตนเองไปหน่อยของเขาจะได้ผล เพราะหญิงสาวช้อนตาค้อนคมอย่างหมั่นไส้ให้ทันที
“แหม...”
บาวีของสิมขาลเลยหัวเราะอย่างผ่อนคลายกับการลากเสียงยาวจงใจประชดของเธอ ยกฝ่ามือหนาขึ้นขยี้ผมนุ่มกลางกระหม่อมอย่างเอ็นดู อย่างน้อย... วิธีนี้ก็ช่วยให้ความหนักใจทั้งของเขาและเธอลดน้อยลงไปได้บ้าง
‘ส่ายี... หวังว่าผลของการที่ผมยอมปล่อยคุณกลับไปในวันนี้ จะทำให้คุณมอบมิตรภาพคืนกลับมาให้สิมขาลบ้างนะ’