พอดีเห็นมือใหม่หลาย ๆ ท่าน สงสัยเกี่ยวกับการใช้น้ำในการเลี้ยงปลาน้ำจืด ผมจะขอแนะนำวิธีการและเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแบบฉบับผมที่เลี้ยงปลาสวยงาม หากท่านใดจะเสริมก็เอาเลยนะครับ
น้ำหลัก ๆ ที่คนเลี้ยงปลาส่วนใหญ่ใช้ตอนนี้ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ น้ำประปา และ น้ำ RO เรามาดูแบบแรกก่อนครับ
น้ำประปา
น่าจะเป็นน้ำที่ผู้เลี้ยงปลาส่วนใหญ่ใช้กันเป็นหลัก ๆ ผมคงไม่มาพูดถึงโครงสร้างของน้ำ เพราะเกรงว่าจะเยอะไป (ฮา) เอาเป็นว่า น้ำประปาที่เราใช้กันอยู่นั้นมีการฆ่าเชื้อโรค จึงทำให้น้ำประปามีความปลอดภัยจากเรื่องโรคพยาธิที่จะมากับน้ำได้ นอกจากนั้นน้ำประปาส่วนใหญ่ยังมีการใช้ปูนขาวช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำ ทำให้น้ำมีความกระด้างและมีความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของปลา สรุปได้ว่าข้อดีของน้ำประปาในการเลี้ยงปลาสวยงาม คือ ใส, ปราศจากโรคพยาธิและมีคุณสมบัติเหมาะสม
สิ่งที่หลาย ๆ ท่านกังวลในการใช้น้ำประปาก็คือ ปริมาณคลอลีนที่ตกค้างอยู่ในน้ำนั้น ๆ ซึ่งจะมีความเข็มข้นประมาณ 0.5 - 2.0 มิลลิกรัมต่อลิตร(ppm) หากเราปล่อยปลาลงไปเลย ปริมาณคลอลีนจะทำให้ปลาตายครับ ดังนั้น จึงต้องมีการกำจัดคลอรีนออกก่อน
แล้วทำยังไงละ?
นั่นคือที่มาของการ "พักน้ำ" ครับ ซึ่งจะทำให้คลอลีนระเหยไป และสามารถนำมาเลี้ยงปลาสวยงามได้ (วิธีเร่งด่วนมันก็มีอะนะ แต่ไม่ขอพูดถึงละกัน ผมว่าให้มันระเหยออกไปเอง น่าจะปลอดภัยมากกว่าครับ) โดยมีวิธีดังนี้ (แบบฉบับผมเลยนะ)
- หากที่บ้านมีถัง, โอ่ง หรือ ภาชนะอะไรก็ได้ ที่สามารถรองรับน้ำได้ (ฮา) ก็เอาน้ำใส่ไปในภาชนะนั้นละครับ แล้วก็ทิ้งไว้ (เปิดฝานะจ๊ะ) โดยประมาณก็ 2-3 วันครับ (ในกรณีไม่โดนแดด) และ 1-2 วัน (ในกรณีโดนแดด) แต่โดยส่วนตัว ผมพักไว้ประมาณ 3 วันครับ ไม่ว่าจะโดนแดด หรือ ไม่โดนแดด
- หากต้องการความเร่งด่วนจี๊ดๆๆๆ จริง ๆ (วิธีนี้ผมไม่ค่อยใช้นอกจากเร่งด่วนจริง ๆ ประมาณว่าต้องรีบเปลี่ยนน้ำภายในวันนั้น) ผมจะรองน้ำใส่ภาชนะดังกล่าวข้างต้น และ ใส่ปั๊มอ็อกซิเจน + หัวทราย (หากตั้งระดับได้ ผมเปิดสุดครับ) เพื่อที่จะทำให้น้ำไหลเวียนตลอดเวลา เป็นการทำให้คลอลีนจางหายไปได้ ตามความแรงของการเปิดปั๊มอ็อกซิเจนครับ วิธีนี้ ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชม. (ผมเปิดทิ้งไว้ 6 ชม. ครับ โดยคำนวณเวลาเลย สมมุติว่า พรุ่งนี้เช้าต้องรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำ และน้ำหมด ตอนกลางคืน ผมพักน้ำ และเอาปั๊มอ็อกซิเจนตีน้ำข้ามคืนครับ)
น้ำ RO (REVERSE OSMOSIS)
น้ำ RO คือน้ำที่ได้จากการเครื่องกรองในระบบ RO โดยน้ำที่ได้จะไม่มีแร่ธาตุ และปราศจากสารปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งผมไม่ขอลงลึกในรายละเอียดนะครับ แต่จะบอกว่า น้ำประเภทนี้สำหรับผมแล้ว
"ไม่เหมาะกับการเลี้ยงปลาครับ" ผมใช้มันในการที่ปรับสภาพ pH กับ kH ในตู้ไม้น้ำ และ เติมน้ำในส่วนของตู้ทะเลเท่านั้น (เนื่องจาก น้ำ RO ปราศจากแร่ธาตุ ทำให้ตะไคร่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการเติมน้ำตรงนี้ได้ครับ)
แต่ถ้าจะให้เอาน้ำนี้มาตั้งตู้ปลาน้ำจืดสวยงาม โดยส่วนตัวแล้วผมว่าไม่เหมาะครับ แต่ก็ยังเห็นมีหลาย ๆ ท่านใช้อยู่ ขอเตือนไว้นิดนึงว่า ปลาจะขาดแร่ธาตุเอานะครับ อีกอย่าง น้ำ RO มีค่า pH อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ถ้าจะเอามาตั้งตู้ 100% มิเห็นสมครับ
ประมาณนี้ครับ ที่เห็นใช้ ๆ กัน ซึ่งแต่ก่อนก็มีคนเอาน้ำจากธรรมชาติ, น้ำฝน บลา บลา บลา มาใช้ (รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราอะนะครับ) แต่ตอนนี้คงไม่มีแล้วมั๊ง ดังนั้น ผมได้ให้วิธีการและแนวทางในการพักน้ำไว้แล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่ ไม่มากก็น้อยครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
รักจะเลี้ยงปลาสวยงาม อย่าใจเร็วด่วนได้ ค่อยเป็นค่อยไปดีที่สุดครับ
ป.ล. ขออณุญาติใช้ภาพประกอบจากในเนตนะครับ หากดูเป็นการโฆษณาหรืออะไรยังไง กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
น้ำสำหรับใช้เลี้ยงปลาสวยงาม
น้ำหลัก ๆ ที่คนเลี้ยงปลาส่วนใหญ่ใช้ตอนนี้ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ น้ำประปา และ น้ำ RO เรามาดูแบบแรกก่อนครับ
น้ำประปา
น่าจะเป็นน้ำที่ผู้เลี้ยงปลาส่วนใหญ่ใช้กันเป็นหลัก ๆ ผมคงไม่มาพูดถึงโครงสร้างของน้ำ เพราะเกรงว่าจะเยอะไป (ฮา) เอาเป็นว่า น้ำประปาที่เราใช้กันอยู่นั้นมีการฆ่าเชื้อโรค จึงทำให้น้ำประปามีความปลอดภัยจากเรื่องโรคพยาธิที่จะมากับน้ำได้ นอกจากนั้นน้ำประปาส่วนใหญ่ยังมีการใช้ปูนขาวช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำ ทำให้น้ำมีความกระด้างและมีความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของปลา สรุปได้ว่าข้อดีของน้ำประปาในการเลี้ยงปลาสวยงาม คือ ใส, ปราศจากโรคพยาธิและมีคุณสมบัติเหมาะสม
สิ่งที่หลาย ๆ ท่านกังวลในการใช้น้ำประปาก็คือ ปริมาณคลอลีนที่ตกค้างอยู่ในน้ำนั้น ๆ ซึ่งจะมีความเข็มข้นประมาณ 0.5 - 2.0 มิลลิกรัมต่อลิตร(ppm) หากเราปล่อยปลาลงไปเลย ปริมาณคลอลีนจะทำให้ปลาตายครับ ดังนั้น จึงต้องมีการกำจัดคลอรีนออกก่อน
แล้วทำยังไงละ?
นั่นคือที่มาของการ "พักน้ำ" ครับ ซึ่งจะทำให้คลอลีนระเหยไป และสามารถนำมาเลี้ยงปลาสวยงามได้ (วิธีเร่งด่วนมันก็มีอะนะ แต่ไม่ขอพูดถึงละกัน ผมว่าให้มันระเหยออกไปเอง น่าจะปลอดภัยมากกว่าครับ) โดยมีวิธีดังนี้ (แบบฉบับผมเลยนะ)
- หากที่บ้านมีถัง, โอ่ง หรือ ภาชนะอะไรก็ได้ ที่สามารถรองรับน้ำได้ (ฮา) ก็เอาน้ำใส่ไปในภาชนะนั้นละครับ แล้วก็ทิ้งไว้ (เปิดฝานะจ๊ะ) โดยประมาณก็ 2-3 วันครับ (ในกรณีไม่โดนแดด) และ 1-2 วัน (ในกรณีโดนแดด) แต่โดยส่วนตัว ผมพักไว้ประมาณ 3 วันครับ ไม่ว่าจะโดนแดด หรือ ไม่โดนแดด
- หากต้องการความเร่งด่วนจี๊ดๆๆๆ จริง ๆ (วิธีนี้ผมไม่ค่อยใช้นอกจากเร่งด่วนจริง ๆ ประมาณว่าต้องรีบเปลี่ยนน้ำภายในวันนั้น) ผมจะรองน้ำใส่ภาชนะดังกล่าวข้างต้น และ ใส่ปั๊มอ็อกซิเจน + หัวทราย (หากตั้งระดับได้ ผมเปิดสุดครับ) เพื่อที่จะทำให้น้ำไหลเวียนตลอดเวลา เป็นการทำให้คลอลีนจางหายไปได้ ตามความแรงของการเปิดปั๊มอ็อกซิเจนครับ วิธีนี้ ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชม. (ผมเปิดทิ้งไว้ 6 ชม. ครับ โดยคำนวณเวลาเลย สมมุติว่า พรุ่งนี้เช้าต้องรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำ และน้ำหมด ตอนกลางคืน ผมพักน้ำ และเอาปั๊มอ็อกซิเจนตีน้ำข้ามคืนครับ)
น้ำ RO (REVERSE OSMOSIS)
น้ำ RO คือน้ำที่ได้จากการเครื่องกรองในระบบ RO โดยน้ำที่ได้จะไม่มีแร่ธาตุ และปราศจากสารปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งผมไม่ขอลงลึกในรายละเอียดนะครับ แต่จะบอกว่า น้ำประเภทนี้สำหรับผมแล้ว "ไม่เหมาะกับการเลี้ยงปลาครับ" ผมใช้มันในการที่ปรับสภาพ pH กับ kH ในตู้ไม้น้ำ และ เติมน้ำในส่วนของตู้ทะเลเท่านั้น (เนื่องจาก น้ำ RO ปราศจากแร่ธาตุ ทำให้ตะไคร่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการเติมน้ำตรงนี้ได้ครับ)
แต่ถ้าจะให้เอาน้ำนี้มาตั้งตู้ปลาน้ำจืดสวยงาม โดยส่วนตัวแล้วผมว่าไม่เหมาะครับ แต่ก็ยังเห็นมีหลาย ๆ ท่านใช้อยู่ ขอเตือนไว้นิดนึงว่า ปลาจะขาดแร่ธาตุเอานะครับ อีกอย่าง น้ำ RO มีค่า pH อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ถ้าจะเอามาตั้งตู้ 100% มิเห็นสมครับ
ประมาณนี้ครับ ที่เห็นใช้ ๆ กัน ซึ่งแต่ก่อนก็มีคนเอาน้ำจากธรรมชาติ, น้ำฝน บลา บลา บลา มาใช้ (รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราอะนะครับ) แต่ตอนนี้คงไม่มีแล้วมั๊ง ดังนั้น ผมได้ให้วิธีการและแนวทางในการพักน้ำไว้แล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่ ไม่มากก็น้อยครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
ป.ล. ขออณุญาติใช้ภาพประกอบจากในเนตนะครับ หากดูเป็นการโฆษณาหรืออะไรยังไง กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ