[CR] เที่ยวปักกิ่งช่วยตัวเอง (ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2557)

พอดีได้ไปประชุมและเที่ยวที่ปักกิ่ง ประเทศจีนมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 นี่เองครับ เลยอยากมาแบ่งปันข้อมูลสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเองนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ก่อนเลยครับ ยิ้ม แต่ขอบ่นก่อนเลยว่าที่ปักกิ่งหาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ยากมากครับ ผมพูดภาษาจีนไม่ได้ซะด้วย แต่ก็อาศัยประสบการณ์และความกร้านเอาตัวรอดมาได้ครับ

เริ่มแรกก็ขอวีซ่านะครับ ผมอยู่ กทม ก็ไปขอที่สถานฑูตจีน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนั่งรถไฟใต้ดินไปขึ้นที่สถานีพระรามเก้า แล้วก็นั่งทิ่มตูดพี่มอไซค์รับจ้างบอกว่าไปสถานฑูตจีนครับ ไปอย่าไปตัวเปล่านะครับ เอาพาสปอร์ตที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือนกับเอกสารอื่นๆไปด้วย ก็มี visa application form, รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว แล้วก็หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พักแค่นี้ละครับ ง่ายๆสบายๆ ตอนผมไปยื่นก็ไปสิบโมงก็ไม่เห็นว่าคนจะแน่นนะครับ ยื่นแบบไปท่องเที่ยว ไม่ต้องไปสาธยายให้มากความว่าจะไปประชุมด้วย เดี๋ยวเรื่องมันจะเยอะครับ อิอิ ยื่นเอกสารเสร็จเค้าจะให้บัตรนัดวันมารับครับ ก็มาตามที่เค้านัดนั่นแหละนะครับ เตรียมตังค์มาด้วยครับ ของผม 1,000 บาท

ถึงวันเดินทาง ผมไปไฟล์ทเกือบเที่ยงคืนแหนะ ไม่เป็นไรครับ นั่งแหล่ เอ้ย เหล่สาวที่สนามบินไปพลางๆ ถ้าเดินทางเที่ยงคืนก็จะมาถึงปักกิ่งประมาณตีห้าครึ่งนะครับ บ้านเขาเวลาเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง ลงมาผ่าน ตม. อย่าทำหน้าตื่นเมืองนะครับเดี๋ยวเค้าจะสงสัย ทำตัวตามปกติครับเดินมาเรื่อยๆคอยสังเกตด้วยเค้าจะมีแผ่นพับก็เก็บๆอันที่สำคัญมา เช่นอันที่มีแผนที่อ่ะครับเก็บมาเลย ผมใช้แผ่นเดียวนี่ละครับตะลุยปักกิ่ง เดินๆมาถ้าปวดฉี่แวะฉี่ก่อนได้นะครับไม่ได้รีบไปไหน อย่าได้อั้นไว้เดี๋ยวจะเป็นโรคฉี่ไหลย้อนได้นะท่าน ยิ้ม รับกระเป๋าเสร็จออกมาผมมองหารถไฟ(subway) เข้าเมืองก่อนเลยละ


ชานชาลา

นั่ง subway สายนี้เสียตังค์ 25 หยวนนะครับ มันจะพาไปเรื่อยๆจอดแค่ 3 สถานีเอง ตัวผมลงปลายทางคือสถานี Dongzhimen ครับ จากนั้นเดินออกมาก่อนเพื่อมาซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินที่วิ่งในปักกิ่งนะครับ ถูกมาก ขาเดียวไปไหนก็ได้แค่ 2 หยวน (หรือประมาณ 11 บาท) แต่ถ้าคุณวางแผนจะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนโดยรถไฟผมแนะนำให้ซื้อบัตรสีน้ำเงินเอาไว้เลยครับ ช่วยได้เยอะขอบอก ยิ้ม (ปริ้นภาพบัตรไปด้วยก็ได้เผื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง บัตรนี้มีค่าบัตร 20 หยวน เงินตรงนี้ได้คืนเมื่อคุณคืนบัตรครับ) จากนั้นผมเดินไปตามทางที่มันบอกว่าไป subway line 2 นั่งไปลงที่สถานี Lama temple เพื่อเปลี่ยนไปนั่ง subway line 5 ไปลงสถานี Dengshikou ครับ (พักที่โรงแรมแถวไหนก็ปรับเปลี่ยนเส้นทางกันเอาเองนะครับ) มาคราวนี้ถูกหวยจากหยักขี้ผมเลยมีตังค์มาพักที่โรงแรม Legendale ครับอยู่ตรงหัวมุมต้นถนน Jinbao เลย ขอบอกว่าห้องสบายมาก อิอิ  





ผมประชุมไปสามวันไม่ได้ไปเที่ยวไหนเท่าไหร่เพราะต้องเตรียมปาถกฐา ก็ได้แต่เดินหูตูบดู super car แถวนั้นเท่านั้นเองครับ ก็มีไปเดินเหล่สาวไฮโซใน Jinbao place พอให้จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้างละนะ ข้ามเลยดีกว่า

วันที่สามพอประชุมเสร็จผมจัดเลยครับจตุรัสเทียนอันเหมิน ขึ้น subway line 1 ไปลงสถานี tian anmen East หรือ West ก็ได้ครับ เดินไปเดินมาสักสี่โมงเย็นก็นึกได้ว่าจะไปเข้าพระราชวังต้องห้ามนี่หว่า พอเดินทำหน้าจีนๆไปถึงประตูจะข้ามผ่านประตูอยู่แล้วได้ยินเสียง ค่วย ค่วย ฉ่อง แฉ่งๆๆ มีเจ้าหน้าที่มาพูดไรไม่รู้ อ้าว มันต้องซื้อบัตรเข้านี่หว่ากรู เดินย้อนจะกลับไปซื้อยังมิทันที่บ่าวจะต่อแถวเลยช่องขายตั๋วโง่ๆก็ดันปิดเสียนี่กระไร เหอะๆ สรุป อดครับ เลยลองไปที่ temple of heaven ก็เป็นสวนสวยดีแต่มาเย็นเกินบริเวณ temple ก็ปิดซะอีก เหอะๆ เอ้อ..ตอนผมไปเดินแถวเทียนอันเหมินผมเห็นเค้าเอาถุงของเหลวอะไรไม่รู้ไปเจาะต้นไม้ไว้ ใครรู้ช่วยมาเฉลยทีนะครับ แปลกดี (tip: มาเที่ยวพระราชวังต้องห้ามให้มาตอนเช้าครับ ส่วน temple of heaven ตรงวัดจะเปิดถึงห้าโมงเย็นนะครับ)




แถวๆจตุรัส

วันที่สี่หลังจากอาบน้ำนมดมจักกะแร้ที่ห้องแล้วผมกะว่าจะไปกำแพงเมืองจีนซะหน่อย เป็นคนไม่ชอบรถติดและไม่อยากเดินทางนานเลยเลือกจะไปด่านสุดฮิตของกำแพงเมืองจีนนั่นก็คือ Badaling นั่นเองครับ นั่งรถไฟไปแค่ชั่วโมงนิดๆเอง ชิลๆสบายๆครับ บอกตรงนี้เลยนะครับว่าก่อนหน้าผมเดินทางรถไฟใต้ดินในปักกิ่งซื้อตั๋ว 2 หยวนตลอด มาวันนี้ละครับได้บทเรียนเลย ถ้าเป็นทัวร์เค้าก็จะมีสูตรกันประมาณว่า 6-7-8 อะไรประมาณนี้ใครเคยไปทัวร์ก็คงทราบใช่มั้ยครับแต่ด้วยความที่ผมชิลไงครับดูไว้แล้วว่าจะนั่งรถไฟ S2 ไปกำแพงเมืองจีนด่าน Badaling เที่ยว 10.50 น. เอาดิว้ากรูจัด 8-8.30-9.30 เลยเผื่อเวลาสุดๆแล้วนะเนี่ย และก็ทำเวลาได้จริงครับ จาก Dengshikou นั่ง subway line 5 ไปลงที่ lama temple แล้วนั่ง line 2 ไปลง Xizhimen ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงครับ ที่สถานีนี้พอตึ๊ดบัตรออกไปก็จะมีป้ายบอกให้ไป railway station ก็ไปตามทางนั่นละครับ ผมก็เดินไปเรื่อยๆเป็นเต่านินจาจนไปเจอคนขายตั๋ว ลุงแกทักจีนใส่ผมก่อนเลยครับ ผมเป็นเต่านินจานี่ครับอยู่อเมริกา กินแต่พิซซ่า พูดได้ที่ไหนภาษาจีน ก็บอกไปคำเดียวละครับว่า Badaling Badaling คราวนี้ละครับงงเลย ลุงแกชี้ขึ้นไปด้านบนแล้วก็พูดคำนี้อีกแล้ว ได้ยินบ่อยมาก ค่วย ค่วย ค่วย ดังเป็นจังหวะ ผมเกือบเต้นแรพแล้วครับแต่เกรงใจเลยลองเดินขึ้นไปข้างบนก็พบว่า รถไฟ S2 ที่จะไป Badaling มีช่องขายตั๋วเพียงช่องเดียวและคนต่อคิว โคตรรรรรยาวววววว เอาวะไหนๆก็จะไปแล้วต่อก็ต่อ ระหว่างต่อคิวมันจะมีพวกมิจฉาชีพมาหลอกให้ไปกำแพงเมืองจีนในราคาหลักร้อยหยวนอย่าได้หลงกลเป็นอันขาดละครับ (นั่งรถไฟไปเองค่าตั๋วไม่ถึง 20 หยวนครับ) ผมก็ยืนรอมาจน 10.40 แล้วเอ้ะทำไมแถวมันยังไม่เคลื่อนวะ พอสบถออกมาเท่านั้นละครับ แถวเคลื่อนเลย ผมแอบดีใจเออกรูได้ไปแล้วละวะทีนี้ ยังไม่ทันหายดีใจอ้าวเห้ยทำไมแถวหยุดวะ แล้วมีเจ้าหน้าที่มาแขวนป้ายภาษาจีนหน้าช่องขายอีก มีแค่ S2 ที่เป็นภาษาอังกฤษและ 12.05 ที่เป็นเลขอารบิกเท่านั้นละครับที่ผมพอจะเข้าใจ เอาละสิครับผมคิดในใจว่ามันแปลกๆละลองหาคนจีนที่น่าจะสื่อสารกับผมรู้เรื่องมาลองสอบถามหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็ทักทายสาวที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่แดดยังไม่เลียหัวดูซะเลย ปรากฎว่าพูดภาษาอังกฤษพอได้ครับโชคดีจริงๆ คุยกันไปก็ได้ความว่าถ้ามารอซื้อตั๋วแบบนี้จะเสียเวลามากและเค้าจะขายไม่เยอะดูจากป้ายที่เจ้าหน้าที่เอามาแขวนละครับ คือตั๋วรอบนี้หมดแล้วขายรอบหน้าคือ 12.05 เลย เธอจึงแนะนำให้ไปซื้อบัตรสีน้ำเงินที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น และเติมเงินใส่ไว้เลยสัก 40 หยวน ตรงนี้เข้าใจว่าถ้าในบัตรมีเงินไม่ถึง 20 หยวนเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้เข้า railway station ครับ (บัตรนี้อย่างน้อยใช้ได้กับ subway ในปักกิ่งและ railway ออกนอกตัวเมืองปักกิ่งครับ) ซึ่งถ้าทำแบบนี้เราจะไม่ต้องต่อคิวเพื่อซื้อตั๋วรถ S2 ไป Badaling แต่เราสามารถเอาบัตรนี้ไปเบ่งใส่เจ้าหน้าที่และเข้าไปใน railway station ได้เลยครับ (อย่าลืมตึ๊ดบัตรเพื่อโชว์วงเงินให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยนะว่าเรามีเงินในบัตรเกิน 20 หยวน) ผมก็ไปซื้อบัตรตามที่เธอบอกนะ แต่นี่มัน 11 โมงกว่าแล้ว ก็เลยเปลี่ยนแผนไป Summer palace แทนแล้วค่อยไปกำแพงพรุ่งนี้ครับ (tip: บัตรสีน้ำเงินมีประโยชน์นะคร้บ)

วันที่สี่เหมือนเดิม ไปเที่ยวพระราชวังฤดูร้อนครับ นั่ง subway line 4 ไปลง Beigongmen แล้วเดินมาเข้าทางด้านหลังของพระราชวังได้เลยใกล้มากครับ หรือถ้าใครอยากแวะกินอะไรก่อนผมแนะนำให้ลงที่ Xiyuan ครับ ร้านอาหารเยอะ แต่จาก Xiyuan มาพระราชวังนี่เดินประมาณ 1 กิโลเมตรนะครับมาเข้าอีกประตูนึง ผมจำราคาตั๋วไม่ได้แฮะรู้สึกว่าถ้าแค่ค่าเข้าจะ 30 หยวนแต่ถ้าเอาแบบเข้าตามจุดต่างๆของที่นี่ได้เลย เช่น วัด พิพิธภัณฑ์ ร้านค้าริมคลอง ก็ 60 หยวนม้ังครับ แต่ผมมาบ่ายแล้วเลยซื้อตั๋วถูกก่อนแล้วค่อยเข้าไปดูด้านในว่าที่ไหนน่าสนใจก็ค่อยซื้อตั๋วแยกไปครับ ก็เดินกันขาลากอ่ะครับ แต่ก็สวยดีนะ พอสักหกโมงเย็นผมก็นั่ง subway line 8 ไปลงที่ Olympic Sport Center เพื่อไปดูสนามกีฬาในตอนกลางคืนเปิดไฟสวยดีครับ เสียดายไอ้ cube ที่เป็นสนามกีฬาทางน้ำปิดไปแล้ว ผมเลยอดดูไฟสีฟ้าเลย (tip: เอ่ออ ที่พระราชวังฤดูร้อนกว้างมากครับ มาตั้งแต่เช้าแล้วเที่ยวทั้งวันเลยนะครับ เผื่อไปเที่ยวที่ Yuanmingyuan ด้วยก็ดีครับ ส่วนสนาม Olympic นี่ทุ่มนึงก็เปิดไฟสวยละครับ ก่อนเข้าตอนขึ้นจากสถานี subway มีร้านขายข้าวกล่องทางขวามืออร่อยนะครับขอบอก)


ในบริเวณ Summer Palace




บริเวณ Olympic Stadium

วันที่ห้าครับ ไปกำแพงเมืองจีนไง มีบัตรน้ำเงินแล้วก็สบายละครับเดินเข้าสถานีได้เลย คนจีนนี่เค้าต่อแถวเพื่อขึ้นรถไฟตั้งแต่ก่อนรถไฟออกเป็นชั่วโมงนะครับเพื่อที่จะได้ไปจองที่นั่งบนรถไฟ ลองชั่งน้ำหนักดูเองละกันนะว่าจะไปต่อคิว หรือนั่งรอแล้วเสี่ยงไปยืนบนรถไฟ หรือ.... ส่วนตัวผมไปต่อคิวครับรอจนก่อนรถไฟออก 20 นาทีมั้งประตูถึงเปิด พอประตูเปิดเท่านั้นละครับเหตุการณ์ที่เกิดต่อจากนี้ทำให้ผมคิดถึงตอนที่ตัวเองเป็นสเปิร์มแชมเปี้ยนที่วิ่งได้เร็วที่สุดจนสามารถทะลวงรังไข่และถือกำเนิดมาเล่าเรื่องให้เพื่อนๆฟังได้นี่ละ ยังไงรู้มั้ยครับพอประตูเปิดปุ๊บก็มีชายวัยรุ่นแบบเด็กแว้นบ้านเรานี่ละครับ วิ่งกระโดดสูงไข่เฉียดคานรั้วนิดเดียวข้ามที่กั้นฝ่าประตูเข้าไปได้คนแรกเลยครับ คนร้องฮือกันทั้งสถานีเลยดีนะครับเจ้าหน้าที่ไม่ชูป้ายคะแนนด้วย สลัด! ผมก็เดินซอยเท้าถี่ไปตามคลื่นมหาชนที่แออัดกันอยู่ที่ท่อปัสสาวะนั่นละครับ แต่ก็ยังดีที่บนรถไฟยังพอมีที่ให้ผมได้หย่อนตรูดนั่งอยู่บ้าง ขอบคุณ ผ่านไป 1 ชั่วโมงกว่าๆก็มาถึง Badaling แล้วครับเราสามารถนั่งรถบัสฟรีจากสถานีไปที่จุดขายตั๋วขึ้นกำแพงเมืองจีนได้เลย พอไปถึงจุดขายตั๋วมันจะมีสองทางให้เลือกนะครับคือขึ้นกระเช้าเข้ากำแพง หรือเดินขึ้นเขาเข้ากำแพง น่าจะรู้นะครับผมขาลุยอยู่แล้วไม่ต้องคิดมากเลยครับ เดินไปซื้อตั๋วกระเช้าขึ้นลง 100 หยวนพร้อมค่าเข้าอีก 40 หยวนครับ กระเช้าใหม่และดูดีมากเลย นอกจากนี้ผมเห็นบางคนขึ้นกระเช้าแต่เวลาลงจากกำแพงเค้าเดินไปถึงป้อมที่มันมี sledge อ่ะครับไถลลงมาก็แลดูสนุกดีไปอีกแบบ ผมนั่งๆยืนๆเดินๆส่องๆไม่ถึงสองชั่วโมงก็เบื่อละครับก็ลงกระเช้ามาแล้วก็นั่งรถไฟกลับปักกิ่งเลย (tip: กำแพงเมืองจีนคือกำแพงที่ยาวที่สุดในโลก เอ่อ....การพูดคุยถามข้อมูลจากคนจีนแม้จะยากแต่ก็ช่วยเราได้ )


ที่กั้นสีแดงๆนั่นละครับที่มันกระโดดข้าม




ขึ้นกำแพงเมืองจีน

วันที่หกไม่มีไรมากครับก็ไปเดินช้อปที่ Wungfujing ไปที่ Subway line 1 นั่นละครับสถานีใกล้ๆเทียนอันเหมิน แล้วก็เดินช้อปมาเรื่อยๆจนกลับมาถึงโรงแรม พอบ่ายแก่ก็นั่ง subway มาที่ Dongzhimen เพื่อมาซื้อตั๋ว airport express 25 หยวน (อันเดิมเหมือนกับขามานั่นละครับ) มาถึงสนามบินก็นั่งกล่าวอำลาปักกิ่งในห้องส้วมตามแบบฉบับของผมได้สักพักมีประกาศเรียกขึ้นเครื่องก็นั่งเครื่องกลับไทยเป็นอันจบทริปครับ (tip: ไปซื้อของ เดินหน้าจีนไปก่อนเลยมันจะได้ไม่โก่งราคามาก พอจะซื้อก็จิ้มเครื่องคิดเลขเลยให้ลดจากราคาป้าย 50% ถ้าไม่ได้ก็เดินออก จบ อ้ออออ เกือบลืม ค่วย ค่วย นี้จริงๆน่าจะเป็นไขว้ ไขว้ แปลว่ารีบนะครับ 555)

ขอบคุณมากคร้าบ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะคร้าบ
ชื่อสินค้า:   Beijing, Legendale
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่