college of drama ศิลป์ วิทยาลัย ความรัก และหัวใจอุ่นๆ (Yaoi) ต่อ

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 3 กินข้าวกัน?


จะ...โจ้ง....จะ........ทิง.......โจ้งงงงงงงงง..........ทิง



เสียงประสานเป็นทำนองวนไปมาเหมือนเสียงท่องอาขยาน เด็กผู้หญิงจำนวนเป็นร้อยนุ่งผ้าสีแดงสด ร่ายรำตามกันเป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบ ครูอาวุโสเดินกระจายตามจุดคอยจัดท่าทาง บ้างก็ตบจังหวะให้  ประสานกับเสียงเครื่องดนตรีที่ดังเซ็งแซ่ ลอยมาจากด้านบนของอาคาร


ผมค่อยๆเดินตามบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของผมที่กำลังจะไปซ้อมการแสดง ใต้อาคาร 3 ชั้น ด้านล่างเปิดโล่งถูกใช้ที่เรียนปฏิบัติ และซ้อมการแสดงต่างๆ แตงบอกผมว่าอีกสักครู่พวกเขาก็ต้องซ้อมกันตรงนี้ เดาว่าอาคารนี้คงเป็นห้องดนตรีด้วยเพราะเสียงที่ดังเซ็งแซ่ฟังไม่ได่ศัพท์ ผมนั่งลงอยู่ที่โต๊ะตรงมุมหนึ่ง สังเกตการณ์เพื่อนๆที่กำลังขนย้ายเครื่องดนตรี เพื่อฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น เพราะยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยงผมจึงนั่งเล่นรอเพื่อนๆไปก่อน


ผมอาสาช่วยปอยกเครืองดนตรี แม้ว่าดูมันจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมสักเท่าไรนัก แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อย่างน้อยน้ำหนักเครื่องดนตรีทำให้มันคงไม่กล้าปฏิเสธผมหรอก

"เอ่อออ........กูขอโทษ......."

เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากของปออย่างยากเย็น เรียกรอยยิ้มเล็กๆ ในระหว่างที่ผมช่วยยกฆ้องวงกับมัน อย่างน้อยมันก็กล้าขอโทษผมละครับ ผมพยักหน้าเบาเป็นการตอบรับแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม แตงดูจะพยายามเข้ามาแนะนำผมกับสถานที่และเพื่อนๆให้กับผม ผมก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรมาก ก็ใช่สิครับ เกิดไอ้ปอมันหึงบ้าอะไรขึ้นมาอีกผมก็คงเจ็บตัวแน่


"นักเรียนกราาาาาาาาบ..........."

เสียงเล็กของเด็กผู้หญิงด้านหลัง บอกสัญญาณเพื่อนร่วมชั้นทำความเคารพครูทุกท่านอย่างพร้อมเพรียง ภาพที่คนภายนอกอย่างผมพึ่งเคยเห็นว่าที่นี่ยังคงรักษาทำเนียมการกราบไหว้ไว้อย่างน่าชื่นชม

สิ้นเสียงเด็กๆก็แยกย้ายกันผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งกัน อย่างไม่เขินอาย แน่นอนละครับพวกผู้ชายต่างจ้องมองเด็กผู้หญิงกันอย่างสนุกสนาน บ้างมีการแซวเป็นเรื่องตลกขบขัน สิ่งเหล่านี้ผมคงจะเห็นจนชินตาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า


ผมรู้สึกได้ว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองอย่างสงสัยมาที่ผม เด็กบางคนหัวเราะกันคิกคัก พร้อมกับชี้มาที่จุดตรงที่ผมนั่ง ไม่แปลกใจเลยครับด้วยผิวขาวๆซีดของผม กับทรงผมทีดูยังไงก็คงไม่พ้นคำที่เรียกว่า "ติ่งเกาหลี" น่าตาแปลกใหม่ในโรงเรียนคงเป็นจุดสนใจให้กับคนแถวนี้ได้ไม่น้อย



"เฮ้ยยยยย แกกกกกกก เป็นตุ๊ดป่าววะ ดุดิ เนี้ยบไปทั้งหัวจดเท้าขนาดนั้น......"



"ไม่มั๊งแก .....เขาดูออกจะเรียบร้อยขนาดนั้น แถมยังช่วยพี่แตงขนเครื่องดนตรีอีก เทห์จะตายยยยยย"



"ชั้นว่าเค้าเหมาะกับพี่แตงมากกว่า ไอ้พี่ปอนั่นอีกนะ....หยิ่งก็ที่หนึ่งแถมกวนตีนอีก"



เพราะนี่ละมั๊งคับที่ทำให้ผมแน่ใจได้ว่า ไอ้ปอมันคงไม่ชอบหน้าผมซักเท่าไร ผมยังคงได้ยินน้องเหล่านี้เค้าคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้แอบฟังนะคับ ผมนั่งตรงนั้นแล้วเด็กๆเองก็คงตั้งใจให้ผมได้ยินบทสนทนานั้น



...................................................................


เสียงปีพาทย์อันไพเราะ เริ่มบรรเลง นักเรียนนักศึกษาต่างร่ายรำตามบทบาทที่ตนเองได้รับ ในการฝึกซ้อมนอกจากนักเรียนแล้วยังมีครูบาอาจารย์ที่อายุไม่มากนักร่วมแสดงด้วย ทำให้พื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยครูอาวุโสคอยดูแลอยู่ห่างๆ เรียกได้ว่าขนครูบาอาจารย์มาเกือบหมดภาควิชาได้ละคับ
เพราะงานนี้คงใหญ่ไม่น้อยถึงขนาดมีผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่าน เห็นว่าเป็นการแสดงเพื่อต้อนรับอาคันตุกะ จากต่างประเทศ ดูน่าอบอุ่นดีนะคับบรรยากาศที่พี่น้อง ครูอาจารย์มาร่วมแสดงกันอย่างไม่มีแบ่งว่าใครเป็นใคร



ตัวพระที่กำลังขึ้นลอย ปีนขึ้นไปเหยียบไหล่ของตัวยักษ์อย่างคล่องแคล่ว เด็กน้อยมอต้นคนนี้ ท่าทางจะมีฝีมือพอตัวถึงได้มาร่วมเล่นกับพี่ๆ นักศึกษาได้ หน้าตาที่ดูครบเครื่องอย่างดูไม่น่าเบื่อตามทัศนคติของเทวดา เอวเล็กบาง ผิวขาวอย่างมองดูก็แทบจะเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ ในหมู่ พวกผู้ชายร่างกำยำ  ที่สวมบทบาทเป็นยักษ์และลิง



แน่นอนครับไอ้ปอ เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ร่วมบรรเลงกับพวกพี่ๆ มันก็ฝีมือดีและดูดีทีเดียวในสายตาของใครหลายๆคน ผมยังรู้สึกว่ามันก็มีเสน่ห์เวลามันนั่งนิ่งๆแบบนี้ และใช้สมาธิไปกับดนตรีดูน่ามองทีเดียว



ในขณะที่ผมนั่งชื่นชมการฝึกซ้อมครั้งนี้ ผมสังเกตถึงสายตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองผมเป็นระยะๆ ร่างสูงน่าจะราวๆ 180 ผิวสีที่ดูก็รู้ว่าผ่านการฝึกฝนกลางแจ้งพอสมควร ร่างกายที่ดูแข็งแรงเหมาะกับบทบาทยักษ์แน่แท้ ทว่าหน้าตาผมว่าถ้าเค้าไม่ตัวโตขนาดนี้คงได้เป็นพระเอกไปแล้ว ปากบางๆที่ภายในปกปิดเหล็กดัดฟันที่ทำให้ผมเห็นแสงสะท้อนเป็นระยะ คิ้วที่เรียกได้ว่าถ้าไม่มีจมูกโด่งๆนั้นคั่นไว้มันคงชนกันแน่ๆ ภายใต้หน้าตาที่คมคายแบบนั้นผมกับรู้สึกถึง ความเย็นชาจากสายตาที่เหมือนจะดูถูกคนทุกคน ผมรู้สึกได้ว่าสายตานี้ช่างเหมือนกับใครคนหนึ่งที่เคยรู้จัก


"ตึ้ง.............."



"................."







เสียงดังประหนึ่งของแข็งใหญ่ตกกระทบพื้นเสียงดัง หยุดทุกเสียงลง และมีเสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ท่ามกลางเสียงอันชุลมุน ผมแน่ใจว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง



"เฮ้ยยยยย.....หลบไป หลบไป"



เสียงตวาดจากครูท่านหนึ่งที่อุ้มน้องตัวพระน้อย มือกุมหัวที่เต็มไปด้วยเลือด ผ่านหน้าผมไปชนิดที่ว่าผมได้กลิ่นคาวเลือดได้ชัดเจน อาจด้วยเพราะอากาศร้อนและบรรยาศใต้ถุนอบอ้าว น้องคนนั้นจึงเป็นลมล้มหัวฟาดพื้น และเพราะน้องพึ่งจะแสดงไปทำให้เลือดนั้นไหลออกมามาก และสีแดงชัดเจน



ใครหลายคนเดินตามไป รวมถึงไอ้พี่ยักษ์สายตาเย็นชานั้นมองผ่านผมไป ด้วยความโกลาหล





"................."




...............................................................






"........................."

ผมลืมตาขึ้นท่ามกลางเสียงเรียก ทุ่มต่ำเพื่อเรียกสติเป็นระยะ ได้กลิ่นแอมโมเนียจางๆ........... บรรยากาศที่ทึมๆของห้องพยาบาลเรียกสติของผมกลับคืนมาได้ ผมพยุงร่างขึ้นมา ผมจำได้ว่าผมเห็นครูท่านอุ่มเด็กคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดผ่านผมไป


ใช่ครับ ผมเป็นลม @_@.........ไปตอนไหนไม่ทราบได้ ผมแน่ใจได้เลยว่าเพราะ "เลือด" แน่นอน ผมเป็นคนที่กลัวเลือดมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเลือดจริงหรือในหนังสยองขวัญ นั่นทำให้ผมหวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย


ผมเห็นน้องคนที่หัวฟาดพื้นคนนั้น มีผ้าพันแผลตรงหน้า นอนยื้มอยู่ที่เตียงข้างๆผม


"ไง...... ไอ้หน้าขาว เจอเลือดแค่นี้ถึงกลับเป็นลมเลยไง"


ก่อนที่น้องคนนั้นจะพูดอะไร เสียงทุ้มต่ำๆ พูดแบบเนิบๆ แฝงไว้ด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ จากด้านหลังเรียกความสนใจจากผมให้หันไปมอง


พี่ยักษ์ดัดฟันคนนั้น กำลังล้างมือที่อ่างล้างหลังจากช่วยใครคนใดคนหนึ่งในห้องนี้



"โหพี่.....เรียกความสนใจจากคนอื่นไปหมดเลย นึกว่าเค้าจะมาดูแลผม ขนาดหัวแตกนะนี่"



เจ้าตัวเล็กพูดแหย่ พร้อมเอามือจับหัวของตัวเอง แม้ว่าดูว่าน้องจะเจ็บตัวมากกว่าผมแต่ทำไมดูกลายเป็นว่าผมดูจะเป็นมากกว่าน้องเค้าเสียอีก


"พี่สลบไปนานมากอ่ะ ไม่ได้กินข้าวหรอพี่ พวกเค้าตกใจกันใหญ่เลย" เจ้าตัวเล็กพยักหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนในห้อง เป็นการบอกบางอย่างเป็นนัยๆ


"ใครเอาเรามาที่นี่อ่ะ............" ผมถาม


"กูเอง........เห็นผอมๆงี้หนักใช่เล่นนะมีง"



น้ำเสียงนั้นดูจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร ประกอบกับที่พี่ยักษ์ที่กำลังง่วนกับการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์  ท่าทางที่นิ่งเฉยทำให้ผมต้องก้มหน้าลงและกล่าวคำขอบคุณเบาๆ ทว่าทำให้ผมรู้สึกบางสิ่งในหัวใจขึ้นอีกครั้ง หากครั้งนี้ผมกลับไม่แสดงอาการใดออกมามากนักด้วยนึกถึงอดีต


"เด็กใหม่ใช่ไหมเรา ....หน้าไม่คุ้นเลย"


"หนาว......"

"ไม่ครับ........ผมโอเค......"


"....เฮ้ยกูอะชื่อหนาว........เมิงอ่ะชื่อไร"


@_@"!!!!!!!!!


ผมได้แต่ขำตัวเอง เพราะใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆจะมาแนะนำตัวกันตอนนี้


"อุ่น.....ครับ"

"นี่เมิงกวนตีนกูหรอ............"




@_@!!!!!!!!!! อ้าวเห้ยยยยย ไรคับพี่ยักษ์


"ผมชื่ออุ่นคับ....."

"โหพี่.......อีกคนอุ่น อีกคนหนาวท่าทางเข้ากันดีนะ" ไอ้ตัวเล็กพูดแหย่ ทำให้พี่ยักษ์ขมวดคิ้วอันหนานั้นขยับเล็กๆ




"ผมเหนือ........เด็กโขน ม.3 น้องพี่หนาวคนที่อุ้มพี่มาจากลานอเนกประสงค์นั่นแหลพ" เค้าตัวเล็กพูดยิ้มๆ แบบเป็นกันเองและแนะนำพี่ชายตัวเองให้รู้จัก น่าแปลกนะคับพี่น้องกันทำไมมันดูแตกต่างกันซะขนาดนั้น น้องนี่ขาวขนาดเรื่องแสงได้แถมยังพูดเก่ง ในขณะที่พี่ชายดูกำยำ ดำถึกเย็นชา



ผมได้ยิ้มตอบรับ ทันใดนั่นร่างใหญ่ก็เดินมาที่ข้างเตียง พร้อมกับยื่นมือมา

"หิวป่ะ.....กินข้าวกัน....."
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่