เราจะช่วยน้องคนนี้ได้อย่างไรบ้าง หดหู่ใจเหลือเกิน พ่อแม่ทิ้งให้อนู่คนเดียว

ด็กหญิงวัยแค่ 12 ปี ถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวนานหลายปี มีเพียงเพื่อนบ้านที่คอยดูแลช่วยเหลือ บอกเป็นเด็กดี ขยันทำงาน แต่น่าเป็นห่วง เพราะเด็กเริ่มโตเป็นสาวต้องอยู่คนเดียว บ้านที่อยู่ก็ไม่แข็งแรง วอนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ    

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ส.ค.57 นายพิจารณ์ บุตรราช ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ อุบลราชธานี และนายกสมาคมอาสาสมัครกู้ภัยอุบลราชธานี พร้อมชุดกิจการพิเศษสมาคมอาสาสมัครกู้ภัยอุบลราชธานี ร่วมลงพื้นที่ โดยไปบ้านเลขที่ 33 บ้านคำหมาไน ม.3 ต.นาเลิน อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี หลังจากรับแจ้งจากชาวบ้านว่า ในหมู่บ้านมีเด็กหญิง อายุ 12 ปี ถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่เพียงลำพังมานานหลายปี

เมื่อไปถึงบ้านดังกล่าว เป็นบ้านไม้ยกพื้น มีประตูไม้เก่าๆ หลังคามุงด้วยสังกะสี พบ ด.ญ.พิสมัย หรือน้องเขียว งอกสุข อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำหมาไนร่องเข ต.นาเลิน อ.ศรีเมืองใหม่ อาศัยอยู่เพียงลำพัง ในบ้านมีราวสำหรับแขวนเสื้อผ้าอยู่ 1 ราว มีที่นอนเก่า สปริงเก่า ที่ต้องใช้กระดาษลังปูก่อนจะใช้ผ้าปูที่นอนปูอีกชั้น ไม่มีผ้าห่มสำหรับป้องกันความหนาวเย็นแต่อย่างใด ในครัวมีเพียงเตาถ่าน และถ้วย 2 ใบ สำหรับใส่ข้าว และกับข้าว

ด.ญ.พิสมัยเล่าว่า ตนเองเรียนอยู่ ชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำหมาไนร่องเข อยู่ตรงข้ามกับบ้านพัก ซึ่งตนอาศัยหลับนอนอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง ในวันธรรมดาจะอาศัยทานข้าวกลางวันที่โรงเรียน ส่วนมื้อเย็นแม่บ้านของโรงเรียนจะห่อกับข้าวตอนกลางวันกลับมาให้ทานที่บ้าน หลังจากเลิกเรียนและในวันหยุดตนจะรับจ้างไปดูแลคนป่วย ทำความสะอาดบ้านในหมู่บ้านเพื่อแลกกับเงิน 5 บาท 10 บาท แล้วแต่เจ้าของบ้านจะให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้จะเก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เมื่อถามถึง พ่อแม่ เด็กหญิงพิสมัยเล่าว่า ตนเองไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่มานานหลายปีแล้ว จนจำหน้าแทบไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าพ่อกับแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตนยังเด็ก จากนั้นก็ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย

"ตั้งแต่จำความได้ก็มีตากับยายเลี้ยงดู ปัจจุบันตาเสียไปแล้วหลายปี หลังจากนั้นยายซึ่งอายุมากแล้วได้ย้ายไปอยู่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านเพียงลำพัง โดยมีเบี้ยคนชราเป็นรายได้ดูแลตัวเอง ส่วนหนูก็อยู่ที่บ้านนี้คนเดียว คิดถึงอยากเจอหน้าพ่อกับแม่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง เมื่อวันแม่ที่ผ่านมาโรงเรียนได้จัดงานวันแม่ก็ได้เข้าร่วมงาน แต่ต้องไปไหว้แม่คนอื่น ซึ่งก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร ชื่ออะไร" ด.ญ.พิสมัย กล่าวอย่างน่าสงสาร

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม นางกาญจนา โกเมนไปรรินทร์ อายุ 62 ปี และนางธัญญา คงทน อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านที่คอยดูแล ด.ญ.พิสมัย เล่าให้ฟังว่า ตนเองมาอยู่หมู่บ้านนี้ 9 ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ของ ด.ญ.พิสมัยเลย ด.ญ.พิสมัย เป็นเด็กที่นิสัยดี ขยันรับจ้างทำงานเพื่อจะได้มีเงินไปโรงเรียน ตกเย็นจะกลับมานอนที่บ้านหลังนี้ทุกคืนไม่ยอมมานอนกับพวกตน จึงรู้สึกเป็นห่วงเพราะเด็กเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว บ้านที่อยู่ก็ไม่แข็งแรง แถมยังอยู่คนเดียว ซึ่งอันตรายมากสำหรับเด็กผู้หญิง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ การเรียน อยากให้เด็กได้เรียนสูงๆ เพราะการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับอนาคต

สำหรับการช่วยเหลือขณะนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลความเป็นอยู่ของ ด.ญ.พิสมัย มีเพียง นายศรีมูล ช่วยสุข ผอ.โรงเรียนคำหมาไนร่องเข และนางกีรติญา สืบเหล่า ครูที่ปรึกษา ทำเรื่องถึงสำนักงานการปฐมศึกษาเขต 3 อุบลราชธานี รายงานความเป็นอยู่ของเด็กในความรับผิดชอบเท่านั้น แม้ที่ทำการ อบต.นาเลิน จะอยู่ห่างจากบ้านของเด็กแค่ 100 เมตร ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลช่วยเหลือ ส่วนพ่อแม่เด็ก จากการตรวจสอบประวัติการสมัครเรียน ทราบชื่อบิดา คือ นายทองขาล งอกสุข มารดาชื่อ นางแพง ส่งศรี

ทางด้านศูนย์ประสานงานมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ฯ สมาคมอาสาสมัครกู้ภัยอุบลราชธานีและ อบจ.อุบลราชธานี ที่มาเยี่ยมและสำรวจดูความเป็นอยู่ของเด็กในวันนี้ ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 2 ชุด นมกล่อง 2 ลัง ผ้าห่ม รวมกับเงินสดจำนวนหนึ่งให้ ด.ญ.พิสมัย เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นไปก่อน ก่อนจะหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่