แชร์ประสบการณ์ผ่าฟันคุต 4 ซี่ ในเวลาไม่ถึงเดือน

กระทู้สนทนา
เหตุผลที่ไปผ่าเพราะ มันปวดตุบ ๆ ปวดมากจนเคี้ยวไม่ได้ นอนไม่หลับ กันเลยทีเดียว ศรีก็คิดในใจ ยังไงฉันก็ต้องไปเอาแกออก นังฟันคุต
ไอ้เราด้วยความที่กลัวก็ ศึกษาวิธีการผ่า ขั้นตอน ศึกษาทุกอย่าง แม้กระทั่งการดูแลหลังผ่าเสร็จ นั่งดูภาพประกอบแบบ เอื้อกก น่ากลัวมาก แต่ก็ต้องไปเพราะเราทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ค่ะ พอดียังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงไปใช้สิทธิ์นักศึกษา ที่รพ.ทันตกรรม  

เริ่มแรกประมาณวันที่ 25 มิ.ย. ก็ไปตรวจฟันปกติ เอ็กซเรย์ฟันและนัดวันผ่า ไอ้เราก็อยากผ่าไว ๆ
ก็บอกพี่พยาบาลว่า "พี่คะ ขอแบบด่วน ๆ ก่อนเปิดเทอมเลยนะคะ" ได้วันนัดวันแรกวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
ช่วงระหว่างรอวันนัดเราก็กินหมดค่ะ กินไม่เลือกเพราะ กลัวหลังผ่าแล้วมันจะหิว จะอยาก โซ้ยแหลกค่ะ รวมถึงนั่งอ่านประสบการณ์ของพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ไปผ่ามาแล้วในพันทิปนี่แหละค่ะ แบบว่าเราต้องพร้อมต้องเตรียมตัวทุกอย่าง จากนั้นไม่นาน วันที่รอคอยก็มาถึง

วันที่ 2 ก.ค. ไปถึงห้องผ่าใจมันก็เริ่มเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลิ่นรพ. ใครที่ไม่ถูกกับมันน่าจะเข้าใจกันนะคะแบบมันชวนเป็นลมมากค่ะ เนื่องจากไปก่อนเวลานัดสิบห้านาทีจึงได้คิวแรก ๆ พอเข้าไปในห้องผ่าก็นั่งรอคุณหมอ ที่ รพ. ทันตกรรมแห่งนี้เขาจะให้นศ.ทต.มาผ่าให้เราโดยมีอาจารย์หมอคอยให้คำแนะนำ และเดินตรวจไปมาเราก็ถูกจับไปวัดความดัน ถามนั่นโน่นนี่นิดหน่อยและก็ถูกพาไปที่เตียงซึ่งก่อนที่คุณหมอและนศ.ทต.จะลงมือผ่าฟันนั้นเขาก็จะอธิบายว่าเขาจะทำอะไรบ้างเราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะมันวิงเวียนเบา ๆ เขาบอกเราว่าจะทำข้างขวาให้เราก่อนเพราะข้างซ้ายเราปวด (เอ้อ หมอคะ คือมันปวดไงเลยจะเอาออก ดันมาบอกว่าจะไม่เอาออกให้ก่อนเพราะมันปวด) ป่าวหรอกเค้ากลัวมันอักเสบค่ะ จากนั้นนศ.ทต.ก็เอายาฆ่าเชื้อกับแก้อักเสบพร้อมลดบวมมาให้เรากินก่อน จากนั้นก็เริ่มลงมือจัดการกับน้องฟันของเราฉีดยาชาจี้ด ๆ ไม่จี้ดอ่ะเจ็บเลยแหละ ฉีดไปสามสี่เข็มพอยาชาเริ่มทำงาน เขาก็ง้างปากเรา เราก็แบบรู้สึกปากตึง ๆ สะกิด ๆ "หมอขอวาสลีนหน่อยค่ะริมฝีปากต้องการความชุ่นชื่นและความยืดหยุ่นด่วนค่ะ" (โอ้ย ง้างปากอิฉันจนปากจะฉีกไปหมดแล้ว) หลังจากเราอ้างโน่นนี่สาระพัดทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู้กระบวนการของมันอย่างจริงจัง โดยเริ่มที่ นศ.ทต.ลงมีดผ่า ๆ เหงือกเราซึ่งถ้าใครเคยไปผ่าน่าจะรู้สึกเหมือนกันนะคะ แบบว่าเรารู้สึกได้เลยว่ามีดมันกำลังกรีดเหงือกเรา ขูดโดนฟันครืด ๆ แต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บ คือรู้ว่าเขาทำอะไรเราบ้างแต่ไม่เจ็บ (เอ๊ะ จะพูดซ้ำไปมาทำไมเนี่ย) หลังจากเปิดเหงือกเราออกแล้วนศ.ทต.คนนั้นก็เริ่มกรอกระดูกเรา โอ้วพระเจ้ามันน่ากลัวมาก เสียงเครื่องมือเหมือนเสียงเลื่อยไฟฟ้าตัดไม้อ่ะค่ะมันดังหวี่ ๆ แหน่ ๆ ในปากแบบโอ้วววม่ายยย สยองมากแต่แบบคุณนศ.ทต.คนนั้นดั๊นไม่ค่อยจะมีแรงกดเครื่องมือ ทำเครื่องมือวืดซ้ายวืดขวา คือ มันไม่ตรงตำแหน่งซักที ไอ้เราก็เสียวแปลบ ๆ กลัวก็กลัวดันมาทำอะไรให้เราสั่นคลอนความมั่นใจอีก แต่ก็โชคดีของเราที่อาจารย์หมอเดินผ่านมาพอดีเขาก็จัดการลงมือทำให้นศ.ทต.คนนั้นดูแป๊บ ๆ กระดูกโดนกรอเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นนศ.ทต.ก็ลงเครื่องมือชิ้นที่สอง??? คือเครื่องมือตัดฟันเพราะฟันเราซี่ใหญ่บะเริ่มเทิ่มและเคสนี้ยากไม่น้อย ?? (ขอบอกก่อนเลยว่าฟันเราขึ้นตรงเรียงทุกซี่ ฟันคุตก็ขึ้นตรง ความจริงไม่มีปัญหาอันใดเลย เพียงแต่มันปวดเกินทนเท่านั้นเอง จึงมาเอามันออกไป) ทีนี้ก็เสียงเดิมเลยเสียงเครื่องเลื่อยไฟฟ้า คราวนี้มันเลื่อยฟันเรา โฮกกกกกกก  เราไม่เจ็บเลยในนะปากอ่ะ ที่เจ็บคือริมฝีปากและมุมปากที่โดนเครื่องมือง้างนี่แหละ เจ็บมากกก พอตัดฟันเสร็จนศ.ทต. คนนั้นก็เริ่มง้างฟันให้ออกจากเหงือก เริ่มโยกฟันซ้ายขวา ไอ้เราก็พยายามอ้าปากต้านแรงโยก เกร็งคอเต็มที่ต้านแรงมือนศ.ทต.คนนั้นเต็มที่ (เฮือก รู้สึกเหมือนกรามจะค้างรอมร่อ) แต่มันก็ยังไม่ยอมหลุดซักที อาจารย์หมอเลยแนะนำให้ใช้คีมมาคีบ ล็อค บิด และดึง แม่จ้าวโว้ยยยย แค่ฟังก็รู้สึกเสียวแทนน้องฟันแล้วแต่เพราะยังไงก็ต้องเอาออก เอ้า ฮึบ!! นศ.ทต. คนนั้นก็เต็มที่เลยค่ะ ล๊อก บิด และดึง ดึงฟันเราออกจากเหงือกมาทั้งรากฟันมาชนฟันบนดังกึกจนตอนนี้เรายังรู้สึกเจ็บฟันซี่ที่โดนกระทบไม่หายเลย เย้ น้องฟันหลุดไปครึ่งซี่แล้ว เหลืออีกครึ่งก็ทำวิธีเดิมละค่า ล๊อค บิด ดึง แต่คราวนี้เรารู้สึกเจ็บจี้ดด เข้าไปถึงสมอง เลยบอกนศ.ทต.คนนั้นว่า  "อ๋อ เอ็บ" (หมอ เจ็บ) เขาก็ฉีดยาชาเพิ่มให้เรา คราวนี้ฉีดยังไงไม่รู้ของเขายาไหลลงคอไปละค่า เอื้อกขมปี๋สุดติ่งเกินบรรยาย ฮือ น้ำตาคลอเลยอ่ะกินยาชาอย่างขมอ่ะ แต่ก็นะฮึบสุดท้าย และแล้วน้องฟันครึ่งที่เหลือก็หลุดตามครึ่งแรกไป เฮือก เอื้อก (กลืนเลือดตัวเองไปสองอีก) คราวนี้อาจารย์หมอเดินมา "เป็นไงครับ ไหวไหม" เราก็ยกมือเป็นสัญลักษณ์บอก"โอเค ข้ายังไหว" อาจารย์หมอแกก็สั่งนศ.ทต. ฉีดยาชาซี่บนเราก็ "เฮือก ผ่าอีกซี่หรอ" แต่ก็ไหน ๆ ก็เจ็บละ เจ็บให้สุดเลยละกัน เราก็พยักหน้าบอก "ได้เบยยยยย จัดมา" T^T  นศ.ทต. ก็ฉีดยาฟันซี่บนให้เราซึ่งตอนเข็มมันแทงบนเพดานปากอ่ะ เจ็บสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ขณะรอยาชาฟันบนทำงานนศ.ทต. ก็ลงมือเย็บเหงือกเราแบบว่าเห้ยมัดปมไหมยังไงคะเหงือกอิฉันฉีกหมดแล้ว ฮือออ (ไม่รู้ฉีกจริงไหม ก็ได้ยินนศ.ทต.คนนั้นคุยกับลูกมืออ่ะค่าาา) ต้องอดทนเราต้องทนน!!! ตอนนี้รู้สึกปวดแก้มมาก พอเย็บเสร็จ อาจารย์หมอเดินมานั่งแทนที่ นศ.ทต. บอก"เดี๋ยวอาจารย์จะเอาฟันบนออกในเวลาไม่ถึงสองนาที นศ. จับเวลาเลยครับ" (คิดในใจ หะ ไม่ถึงสองนาที แม่เจ้าาาาาา) อาจารย์แกลงมีด ผ่า ๆ คีมหนีบ ล็อคอย่างแน่นบิดอย่างแรงและดึงอย่างไว แค่ราวนี้ดีหน่อยตรงที่ดึงแล้วเครื่องมือมันไม่ได้ไปกระทบกับฟันล่างแบบที่นศ.ทต.ทำ แต่อาจารย์นี่โหดมาก ไม่ถึงสองนาทีจริง ๆ โอ้ยแทบไม่มีแรงอ้าปากต่อ แต่ก็ต้องอ้าต่อเพราะต้องเย็บแผลฟันบน พอเย็บเสร็จ ทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อย เราแทบไม่มีแรงกัดผ้าก๊อชอ่ะ มันตึงไปทั้งหน้า ตาขวาปิดลืมไม่ขึ้นเลยได้น้ำแข็งมาประคบ รอรับยา และกลับบ้าน ฮือ

นี่คือรูปตอนรอรับยาค่ะ

ยัง ๆ นี่มันแค่เริ่มต้นทุกสิ่งอย่างมันอยู่ตรงหลังยาชาหมดฤทธิ์ต่างหากค่ะ ก่อนกลับเข้าหอก็แวะเซเว่นซื้อน้ำแข็งหลอดมาตุนใส่ตู้เย็น
เราต้องไม่ให้มันบวม ตั้งปนิธานแรงกล้ากลับห้องมาก็เกือบบ่ายสองบ่ายสามง่วงนอนมาก เมายาชาแน่เลย ?? ขอนอนแปป เย็น ๆ เมทมาปลุกให้กินโจ๊ก แม่เจ้าโว้ยยยย พอตื่นมานี่แหละ เจ็บปวดเหลือเกินค่ะปวดจนน้ำตาคลอ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอมาก ตอนนี้ยาชามันคงหมดฤทธิ์แล้วและเราก็เริ่มหมดแรง เพราะความเจ็บปวดแก้มบวมเหมือนโดนผึ้งสิบตัวมาต่อย ตั้งเต่งทั้งตึง และปวดสุดเราก็ประคบน้ำแข็งมาเรื่อยๆ คายก๊อชทิ้งเลือดก็ไหลไม่หยุด แต่ต้องกินข้าวกินยา ฮือ อ้าปากแทบไม่ได้พูดลำบากมาก ต้องดูดโจ้กค่ะ ดูด ย้ำว่าดูดโจ๊กจากช้อน กินยาทีละเม็ดหมอให้ยาแก้อักเสบ แก้ปวดลดบวม และยาพาราแก้ปวดลดไข้ เรากินทุกตัว อย่างเคร่งครัด เพราะเราทรมารมาก ฮืออออ มุมปากขวามีรอยฉีกขาดเบา ๆ แสบมาก กระพุงแก้มเป็นแผลด้วยพรุ่งนี้เป็นร้อนในชัวเลย เราเดา
วันที่ 2 โอ้ย กินไม่ได้ กลืนไม่ได้เหมือนเดิมเพราะเจ็บคอเจ็บเหมือนเป็นทอลซิลอักเสบอ่ะ  เลือดยังไม่หยุดไหล ต้องกัดก๊อชที่เขาเอามาให้อีก 2 ชม. วันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวานแก้มยังเต่ง ๆ อยู่ วันนี้ยังประคบเย็น
วันที่ 3 แม่เจ้า แก้มปูด กว่าเมื่อวานอีก มันเกิดอะไรขึ้นเหมือนอมมะนาวไว้ที่แก้มเลย โอ้ย ต้องมาทำโครงงานที่คณะด้วย รู้สึกอายจังอ่ะ หรือเพราะวันนี้เปลี่ยนมาประคบร้อนแล้ว ไม่น่าจะใช่นะ เเต่ก็ยังกลืนลำบาก อ้าปากได้บ้างแล้วเลือดหยุดไหลแล้ว
มีภาพประกอบ เอือก

ขออนุญาตปิดหน้าปิดตาเล็กน้อย เพราะถ้าโชว์เต็มใบหน้า มันตลกมากกกก อายมาก แก้มปูด สังเกตุมุมปากนะคะ มีแผล แสบมากเวลาแปรงฟัน

วันที่ 4 เริ่มพูดเป็นต่อยหอย จากตอนแรกพูดไม่ได้เลยจนโดนแซว (ปกติเป็นคนพูดมากจนคนรำคาญ) เริ่มอ้าปากได้อะไรได้ เคี้ยวยังไม่ได้ ก็ต้องซดน้ำโจ๊กเซเว่นกันต่อไป ป.ล. เป็นร้อนในด้วยโอ้ย ปาดยาลำบากสุด วันนี้เริ่มกลั้วปากเบา ๆ ด้วยน้ำผสมเกลือ วันนี้ประคบร้อนวันสุดท้าย คนทั่วไปเขาก็แก้มควรจะยุบได้แล้วมั้ง ช่วง 3-4 วันแรกอ่ะ แต่เราก็ยังคงพกแก้มเต่งตึงปูด ๆ ไปทำงานต่อไป
วันที่ 5 คราวนี้ไม่ค่อยปวด อ้าปากได้กว้างขึ้น ต้องบริหารแก้มบ้างเพราะแก้มมันตึง ๆ วันนี้อยากกินข้าวไข่เจียว เลยสั่งมากิน ปรากฎ เคี้ยวๆ ไปได้ซักสามสี่คำเริ่มปวดแผลสุจนต้องหยุดกิน กลั้วปากเบา ๆ และ กินยาทันที ตอนกลางคืนก่อนนอนเราอมน้ำผสมเกลืออีกแล้ว ยาที่หมอจัดมาให้ มีถึงวันนี้แต่สำหรับเราอาการมันยังไม่โอเค เลยไปซื้อเพิ่มจากร้านยา แถวๆ รพ.รามา
วันที่ 6 กรี้ดค่ะ กรี้ด วันนี้ขนาดแก้มจู่ ๆ ก็แฟ่บเหมือนลูกโป่งที่เริ่มเหี่ยว (เอ๊ะ) แก้มเริ่มไม่ปูด ไม่ค่อยมีอาการปวดอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเคี้ยวมาก ๆ พูด มาก ๆ ก็เริ่มมีอาการ  อ้าปากได้ปกติแล้ว มีตึงเล็กน้อย แล้วพอทนได้ ดีใจอ่ะ
เวลาไม่ยิ้มแก้มก็เหมือนไม่ปูด พอยิ้ม มันก็จะเห็นชัด


วันที่ 7 วันนัดตัดไหม ไปนอนตัดไหม สบายใจ แก้มก็ไม่บวมแล้ว แต่พอตัดไหมเสร็จยังไม่กล้าเคี้ยวอาหารฝั่งนี้เท่าไหร่ โดยรวมแล้วโอเค ไม่บวมแล้ว เย้
สรุปโดยรวมการผ่าครั้งแรกนี้ โอเคมาก ๆ ไม่นับแก้มบวมน่าเกลียดเหมือนอมมะนาวอ่ะนะ หมอนัดผ่าครั้งต่อไปวันที่ 16 ก.ค. เรามาดูกันว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ทันตกรรม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่