เพิ่งค้นพบ สไตล์การลงทุน ของตนเอง

ผมลงทุนในหุ้นมาได้ 8-9 ปี
ตั้งแต่ช่วงก่อน ซับไพร์ม ปีนึง  
ลงทุนเริ่มต้นด้วยเงินเก็บ 100,000 บาทถ้วน

ภายในปีเดียว สามารถ ****** ทำเงินแสน ให้เปนเงินหมื่นได้ !!!!!
ด้วยความไม่รู้อะไร เกี่ยวกับหุ้นเลย  เล่นหุ้นเหมือนเล่นหวย หรือ เชียร์มวย(ตามมาร์ มาร์ว่าไงเราว่าตาม) ซื้อขายแบบไม่รู้พื้นฐาน  ไม่รู้เทคนิค  เดาล้วนๆ แรกๆได้กำไร
ดีใจ ได้มาหลายพัน ต่อรอบ   ตอนเสียวันนึง หลายหมื่น จนสุดท้าย  ตังค์แทบจะหมด  เหลือไม่กี่หมื่น  เลยเลิกเล่น ...... พักไป หลายปี ตังค์หมด  

แล้วหุ้นก้อลงๆๆๆ ดิ่งๆๆ  จาก 800 กว่า  เหลือ 400 กว่า  วิกฤติ ซับไพร์ม

แล้วก็ซึมๆไปหลายปี  จนหุ้นขึ้นๆๆๆ มาจนถึง 1600 กว่า (ตอนนั้นไม่มีตังคฺ์)
แต่ก็ศึกษาหาความรู้ ติดตามอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ  ศึกษาเน้นไปทางแนว vi
ดูงบการเงิน ดูแนวโน้ม ดูเทรนด์  เมกาเทรนด์  ดูราคาที่เหมาะสม p/e     p/b
roa  roe  กำไร ขาดทุน  ปันผล  ดูหมด
อ่านเพลินๆ ดูชิวๆ แล้วก็ทบทวนตัวเอง ถึงความผิดพลาด ดูถึงนิสัยการลงทุน
ของตนเอง  

หุ้นขึ้นเอาๆผมก็ยังไม่เล่นหุ้น  จะรอจนกว่าจะเกิดวิกฤติ เสดตะกิต อีกครั้ง
รอแล้วรอเล่า จนหุ้นล่วงมา 1300กว่า  ตอนมีม้อบ  ผมก็ยังไม่หวนคืนวงการ
จดๆจ้องๆ  จนหุ้นที่เปนตัวชักจูงผมเข้าสู่วงการ คือ ichi ผมชอบมาก
กะจะซื้อแต่วันแรก  แต่ก้อไม่ได้ซื้อเพราะติดขัดเรื่องบัญชี  เสียดายมากเพราะชอบตั้งแต่โออิชิแล้ว  ก็ไปเดินเรื่องบัญชี  ร้อนวิชา..... อยากลงสนาม หวนคืนสู่วงการ

พอบัญชีพร้อม ด้วยเงินลงทุนเย็นๆ 200,000 บาท หุ้นปฐมฤกษ์  การหวนคืนสู่วงการตัวแรกคือ ea  ก้อกำไรไปนิดหน่อยตามสูตร แล้วนิสัยเดิมๆก็เหมือนเดิม คือ
** อยากได้กำไรไวไว  คิดเปนวัน
** ชอบหุ้นปั่น โดยไม่รู้พื้นฐาน
ก็ตามดูนิสัยตัวเอง  จนไปจับตัวนึงหุ้น ipo ชื่อ tae
ซื้อเมื่อวันที่สอง ตอนยอดดอย 6.05 บาท แล้วไปขายตัดขาดทุน
เท่ไหร่จำไม่ได้ แต่ขาดทุนไป หมื่นกว่าบาท  ก็ได้สติ  กลับมาทบทวนดูใหม่  เราพลาดตรงไหนอีก.....

ก็สรุปคือ ยังไม่มีความรู้  ด้านพื้นฐานหุ้นก็เข้าวิ่งไล่ตามแร่ะ
เลยเริ่มใหม่  ทีนี้จะศึกษาพื้นฐานหุ้น ดูงบการเงิน  ราคาเหมาะสม  p/e  
ดูเทรนด์ คัดเลือกหุ้นที่มีปันผลดีต่อเนื่อง  จนมั่นใจ  ทีนี้กะซื้อยาวเปนปี
ก็คัดได้หุ้นที่น่าสนใจหลายตัว  เน้นตัวใหม่ๆ หรือ หุ้นเงียบๆหรือ  ตัวเล็ก(market cap ไม่เกิน 4000ล้านบาทบ้าง) แต่ทุกตัวต้องมีปันผลดีเท่านั้น  ปันผลต่อเนื่องืทุกปี
บางตัวอาจจะ ไม่ค่อยดัง การซื้อขายเบาบางดุจปุยนุ่น  นั่นแหละดี!!!!  ราคายังไม่ถูกปั่น   ก็ไปได้
หุ้นโรงบาล  ntv , vih
หุ้นพลังงาน   tae (ยังไม่รู้ปันผลเลย แต่ดูเทรนด์แล้วพอไปได้ เอทานอลในเชื้อเพลิง)
หุ้นอุปโภค  ichi (ชอบๆ เล็งมานาน)
หุ้นสื่อสาร intuch
หุ้นขนส่ง bts

หุ้นแต่ละตัว มีข้อดี ข้อด้อยต่างกัน
จุดประสงค์การลงทุนก็ต่างกัน

แต่******* หลักการ หรือ สไตล์การลงทุน (ส่วนตัว) ********
พอจะสรุปคร่าวๆคือ
1.สนใจดูแต่หุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น  มีปันผลทุกปีต่อเนิ่อง  หุ้นต้องมีแนวโน้มเจริญเติบโตเรื่อยๆ ไม่ใช่หุ้นเล่นข่าว  ทำกำไรได้จริงๆ อย่างมั่นคง  ไม่เน้นหุ้นการเมือง

2.แบ่งเงินลงทุน เปนหลายส่วน กระจายไป ในหุ้นแต่ละตัวเท่าๆกัน จะได้คำนวณง่าย เช่นตัวละ 50,000 บาท

3. เวลาซื้อเผื่อเศษไว้ขาย ทำกำไรไว้บ้าง  เช่น กะจะศื้อ 50000 บาท ก็ซื้อ 60000 บาท

4. เมื่อซื้อหุ้นแล้ว  สมมุติหุ้นขึ้น บางตัวตั้งใจว่าถ้าขึ้นไป เกิน 5%จะขายบางส่วนเอากำไรคืนมาบ้าง เช่น vih , ntv กะถือยาวก็จริงแต่ราคามีสวิงบ้าง พอขึ้นไป 5% ก็ขายครึ่งนึง  พอบางทีมันลงต่ำกว่าราคาที่ซื้อ 5% (ช่วงนี้ยาก ตอนนี้เปนขาขึ้น) ก็ซื้อเพิ่มถัวราคา  จะไม่มีการขายหมดโดยเด็ดขาด  กะเก็บยาวไปเรื่อยๆ  แต่ก็มีกำไรบ้าง

หุ้นบางตัวกะขายบางส่วนตรง เขียว 10% ซื้อเพิ่มตอน แดง 5%

5. เมื่อซื้อหุ้นแล้ว  ให้บอกกับตัวเองว่า เราซื้อด้วยเหตุผล  พิจารณาถี่ถ้วนแล้ว
ถ้ามันลงไปบ้างก็อย่าไป ตื่นเต้น  ให้มั่นใจพื้นฐานหุ้นที่เราเลือกว่า  หุ้นดี มีแนวโน้มเจริญเติบโต
- พอหุ้นขึ้นไปมากพอสมควร ก็อย่าไปรีบขายหมด  ขายแค่บางส่วน  เต็มที่แค่ครึ่ง
เดียว  ***ซื้อครึ่ง  ขายครึ่ง***
  ให้ ทนรวย ให้ได้ อย่าตื่นเต้น มาก
อย่างนีอยเห็นอะไรเขียวๆ ก็ดีกว่า สบายตาดี เก็บหุ้นไว้ดูเล่น
หุ้นบางตัว ขึ้นไปเขียว 10%กว่า แล้วก็ลงมาเหลือเขียว 7-8% ก็ไม่ต้องเสียดาย
เปนธรรมดา

ถ้าทำอย่างนี้แล้ว  หุ้นขึ้นเราก็ได้ขายทำกำไร   หุ้นลงเราก็ได้ซื้อถัวราคาถูกลง
พอได้เงินเพิ่มเราก็ไปซื้อเพิ่มได้  จะไม่ขายล้างพอร์ตเด็ดขาด  ท่องไว้ๆๆๆ
หุ้นดีควรเก็บไว้ ตอนยังถูก   หุ้นที่ไม่ดี  คัททิ้ง

แต่ว่าตั้งแต่ขายหุ้นไปยังไม่มีโอกาสซื้อถัวราคาเลย  ช่วงนี้หุ้นขึ้นมาพอสมควร
เพราะการเมืองดีขึ้น   แต่ก็ยังเกรงๆ ระเบิดเวลา วิกฤติเสดตะกิต  ซึ่งก็ครบรอบสิบปีแล้ว  ยังมีระเบิดเวลาเรื่องหนี้ครัวเรือนรออยู่ แต่ก็ไม่กังวลม่าก เพราะเวินส่วนนี้ที่นำมาลงทุนในหุ้น  เปนแค่บางส่วน  เปนเงินเย้นเย็น ผมได้แบ่งเงินบางส่วนลงทุน
ไว้ในที่ดินบ้าง ปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจ พะยูง ยางนา  ไม้ผล  ไม้ปรัะดับไว้บ้าง, บางส่วนลงทุนในธุรกิจ  ไว้หมุนในชีวิตประจำวัน

***** ทำแบบนี้เราจะพอมีเงินสดไว้ซื้อหุ้นดีๆ  เสมอๆ  พอร์ตหุ้นจะมีสภาพคล่องเสมอ
ทั้งตอนหุ้นขึ้น เราก็มีหุ้นไว้ทำกำไร  รับปันผล   พอหุ้นลงก็มีเงินไว้ซื้อถัวราคา

6. การลงทุนที่ไม่ หมกมุ่นมาก  ต้องปล่อยวางได้
กินอิ่ม  นอนหลับ  สนุกกับการลงทุน   บางทีผมสามารุถจะทิ้งการติดตามหุ้นได้
หลายๆวัน หรือเปนอาทิตย์  เพราะเรามั่นใจในพื้นฐานหุ้นที่ดี  และ บางตัวเปนหุ้นเงียบคนไม่สนใจ(ตอนนี้น่ะไม่รู้จะปั่นกันเมื่อไหร่)

เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ใหญ่  พอต้นกล้าตั้งตัวได้ เราก็ปล่อยๆ ทิ้งๆมันไว้บ้าง
ในเมื่อเรามั่นใจ ในต้นพันูธุ์(หุ้นที่เลือก)
ให้มันเจริญเติบโตมันเอง หุ้นที่ดีมีแต่จะโตขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ  บางตัวแพงตลอด(p/eศูงตลอดกาล)  นานๆ มาถางหญ้า  ตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยสักทีนึง
พอมาดูอีกที  โอ้โห  ต้นเบ่อเร่อเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่