หนามหัวใจ ตอนที่ ๒

กระทู้สนทนา
หนามหัวใจ ตอนที่ ๒

ตอนที่ ๑ http://pantip.com/topic/32294665

                   พรีม ถือถุงผ้าใส่ของจากตลาดนัดแถวบ้าน โชคดีที่วันนี้เธอมีเวลาเดินเล่นซื้อของที่ตลาด ปกติกว่าจะได้กลับบ้านก็สามสี่ทุ่ม เพราะต้องแวะไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านภูวดล และช่วยคู่หมั้นทำงานต่อ เรื่องสำคัญในบริษัทเขาจะปรึกษาและขอความเห็นของเธอทุกครั้งก่อนตัดสินใจ

                   รพีพัฒน์ รับนัดเพื่อนไปสังสรรค์ตามประสาหนุ่มโสด ชายหนุ่มเดินสวนกับเพื่อนบ้านห้องตรงข้าม เขาลองยิ้มให้เธออีกครั้ง ทว่า ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม เธอไม่ได้สนใจเขาเลย รพีพัฒน์ เดินหน้างอไปขึ้นรถจากัวร์ รถคันนี้เป็นสมบัติเพียงสิ่งเดียวที่เขานำติดตัวไปด้วย หลังจากงานศพเจ้าสาวของพี่ชายเมื่อห้าปีก่อน

                   พรีม วางถุงผ้าลงบนโต๊ะรับประทานอาหาร เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายห้องตรงข้ามต้องยิ้มให้เธอด้วย หญิงสาวขมวดคิ้ว พลางหยิบกล่องข้าวซึ่งเธอนำไปใส่อาหารออกมาวางบนโต๊ะ

                หญิงสาวกำลังจะปิดไฟเข้านอน เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงดัง หญิงสาวกดรับสาย

    “นอนหรือยังครับ” ภูวดลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เธอจับได้ว่าเขาดูเหนื่อยอ่อน

    “กำลังจะนอนค่ะ คุณภูถึงบ้านหรือยังคะ”

    “ถึงแล้วครับ กำลังจะอาบน้ำนอนเหมือนกัน นอนหลับฝันดีนะครับ”

    “ค่ะ”

                    ทุกเช้าพรีมจะมานั่งรอคนขับรถที่ร้านกาแฟใกล้คอนโดฯ กว่าเธอจะรับประทานกาแฟและของว่างเล็กน้อยเสร็จ รถก็มาพอดี เช้านี้หญิงสาวดื่มคาปูชิโน่เย็นที่เธอมักจะดื่มเป็นประจำกับเค้กโรลรสกาแฟ

                    รพีพัฒน์ถือแก้วกาแฟมานั่งที่โต๊ะข้างๆ หญิงสาว เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย

    “ไม่โสดแล้ว อืม แหวนเพชรหลายกะรัต แฟนยายเจ๊นี่คงรวย ว่าแต่ผู้ชายแบบไหนจะชอบผู้หญิงแบบนี้ สวยก็ไม่สวย หน้าบึ้งตลอดเวลา แถมยังใส่แต่เสื้อผ้าสีทึมๆ อยู่ด้วยคงน่าเบื่อตาย” ชายหนุ่มนั่งมองเธอไม่วางตา เขายกแก้วดับเบิลเอสเพรสโซ่ขึ้นจิบ

                    พรีมรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ แต่หญิงสาวไม่อยากหันไปมอง วันนี้เธอสวมเดรสสีน้ำตาล แม้แบบจะเรียบแต่ก็ดูหรูคลาสสิก กระเป๋าถือสีน้ำตาลอมส้ม รองเท้าส้นสูงสีดำ ผมสั้นม้วนปลายเป็นลอนสวย แสงแดดอ่อนๆ ส่องผมเธอเป็นประกายน้ำตาลเหลือบแดง หญิงสาวยกแขนขวาเพื่อดูเวลา เหลืออีกห้านาที เป็นครั้งแรกที่เธอนึกอยากโทรศัพท์ไปเร่งคนขับรถ

                    รพีพัฒน์นั่งละเลียดกาแฟ วันนี้เขามีนัดไปเยี่ยมลูกค้าหลังจากไม่ได้ลงมากรุงเทพฯเสียนาน อันที่จริงเขาควรจะไปได้แล้ว แต่ที่นั่งอ้อยอิ่งเพราะอยากเห็นรถที่มารับเพื่อนบ้านสาว

                    รถแวนสีดำจากสวีเดนมาจอดเทียบหน้าร้านกาแฟ พรีมลุกขึ้นยืน คนขับรถเดินลงมาเปิดประตูให้เธอ หญิงสาวขึ้นไปนั่ง รถติดฟิล์มทั้งคัน จึงยากที่คนภายนอกจะมองเข้ามาด้านใน ขณะรถเคลื่อนตัวออก พรีมจึงได้เห็นว่าคนที่นั่งจ้องเธอตลอดเวลาคือเพื่อนบ้านผู้มาใหม่

                  รพีพัฒน์มองตามรถแวนสีดำที่เคลื่อนตัวออกไป “รถหรูซะด้วยแฮะ เจ๊คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ผิดกับหน้าตา” ชายหนุ่มกระดกกาแฟคำสุดท้าย แล้วจึงเดินกลับที่พัก

                   พรีมแวะไปที่ห้องทำงานของภูวดล ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกใหญ่จากจำนวนสี่ตึก ส่วนที่เชื่อมทั้งสี่ตึกเข้าด้วยกันคือสะพานทอดถึงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม หญิงสาวเดินออกจากลิฟท์แก้ว ตลอดทางมีพนักงานทักทายเธอ หญิงสาวปั้นหน้ายิ้ม และทักทายตอบ     เลขานุการิณีส่วนตัวเปิดประตูห้องรอ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปที่ห้อง ภูวดลกำลังโทรศัพท์ ชายหนุ่มสวมเฮดเซท เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พรีมนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม

               ด้านหลังโต๊ะทำงานงานคือกระจกตลอดแนว มองเห็นทิวทัศน์ภายนอกกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เนื่องจากหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาด้านฝั่งธนบุรี จึงไม่ค่อยมีตึกสูงบังให้รำคาญลูกตา

    “สายจากท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ครับ” ภูวดลบอกเธอหลังจากวางสายแล้ว

    “เรื่องอะไรหรือคะ”

    “ท่านทาบทามผมให้ไปเป็นที่ปรึกษา คุณพรีมคิดว่าอย่างไรครับ”

    “พรีมว่าอย่าไปยุ่งกับการเมืองดีกว่าค่ะ” พรีมตอบเสียงเรียบ

    “ผมเชื่อคุณพรีม”

    “คุณภูอย่ารีบเชื่อพรีมสิคะ” พรีมรีบท้วง เพราะเธอแค่ออกความเห็นเท่านั้น

    “งานผมตอนนี้ก็เต็มมือแล้ว ขืนรับตำแหน่งนั้นอีก ผมคงไม่มีเวลาเห็นหน้าคุณพอดี” ภูวดลยิ้ม

    “พรีมตรวจดูเอกสารสัญญาของบริษัทที่สิงคโปร์แล้วค่ะ” พรีมเข้าเรื่องที่เธอต้องการมาพบภูวดล หญิงสาวเปิดแฟ้มเอกสารที่คั่นด้วยกระดาษโพสต์อิท

    “คุณพรีมเจออะไรหรือครับ”

    “พรีมว่าสัญญาฉบับนี้ทางเราเสียเปรียบอยู่หลายจุดนะคะ พรีมอยากให้ร่างสัญญาใหม่ เพิ่มเงื่อนไขทางฝ่ายเรา”

    “บางอย่างเราก็ต้องยอมเสียเปรียบครับ เพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ” ภูวดลมองหน้าคู่หมั้น

    “สัญญาควรเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายสิคะ นี่แค่เริ่มต้น เราก็ต้องยอมเขาแล้ว คงต้องยอมเรื่อยไป” พรีมยกเหตุผลตามหลักวิชาชีพเธอ

    “ไม่หรอกครับ ธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ” ภูวดลเตือนเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พรีมเงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร มองหน้าคู่หมั้น

    “จริงของคุณภู” พรีมยอมรับ “วันนี้คุณภูไม่ออกไปไหนหรือคะ”

    “ไปครับ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง” ภูวดลรำพึง “เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านผมนะครับ”

    “ค่ะ” พรีมลุกขึ้น ภูวดลลุกตาม ชายหนุ่มดึงตัวคู่หมั้นเข้ามากอด ภูวดลกำลังจะก้มลงหอมแก้มเธอ พรีมสะดุ้ง เธอรีบผลักอกเขา

    “ผมขอโทษ” ภูวดลพูดเสียงเบา

    “ไม่เป็นไรค่ะ” พรีมรีบเดินออกจากห้อง

                    ชายหนุ่มกลับไปนั่ง เขาพยายามแล้ว แต่เธอไม่เคยให้ความร่วมมือเลย คิดอีกทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่ได้ผู้หญิงอย่างพรีมมาเป็นภรรยา อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องคอยระวังตัวเวลาอยู่กับเธอ รวมถึงเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเป็นคนเช่นไร

                    พรีมกลับมาที่ห้องทำงาน หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดเธอจึงไม่ชอบเวลาที่ภูวดลมาแตะเนื้อต้องตัว แม้จะรู้ดีว่าเขาจะไม่ทำอะไรเกินเลย แต่ถึงอย่างไร “ผู้ชายก็คือผู้ชาย” เธอเตือนตัวเองเสมอ หญิงสาวสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว เธอเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มทำงาน


                    รพีพัฒน์จอดรถหน้าสำนักงานใหญ่ร้านขายดอกไม้แฟรนไชส์ชื่อดัง ชายหนุ่มชอบทำธุรกิจกับร้านสแตนด์อโลนมากกว่าร้านเชนที่มีสาขามากมาย แต่ร้านนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าของทำธุรกิจกับคุณตาของเขามานาน

    “สวัสดีค่ะ คุณพี ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะคะ คล้ำลงไปเยอะเชียว”

    “ครับ พี่ปุ๊กไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ยังสวยเหมือนเดิม” รพีพัฒน์ยิ้มหวานให้เจ้าของร้าน

    “แหม ปากหวานกับผู้หญิงทุกคนที่เจอหรือเปล่าจ๊ะ”

    “ไม่หรอกครับ อ้อ นี่ครับของฝากจากราชบุรี” ชายหนุ่มยื่นตะกร้าใส่ขวดไวน์ขาวให้กับปุณรี

    “ขอบใจจ้ะ นี่เป็นของไร่เธอเองหรือ”

    “ครับ ตั้งแต่สมัยคุณตา เพิ่งได้ล็อตแรก” ชายหนุ่มหมายถึงสวนองุ่นที่ตาของเขาลงทุนลงแรงปลูกเพื่อผลิตไวน์โดยเฉพาะ

    “พูดถึงคุณตาของเธอ แล้วก็คิดถึงท่านนะ คุณมลเป็นอย่างไรบ้าง” ปุณรีถามถึงนิรมล ผู้หญิงที่คอยดูแลคุณตาของเขาในช่วงท้ายของชีวิต ทุกวันนี้เขาเองก็ยังไม่กล้าถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณตา

    “สบายดีครับ แถมบ่นเก่งกว่าเดิม”

    “เธอคงขยันหาเรื่องให้เขาบ่นนะสิ มีแฟนหรือยังจ๊ะ”

    “ยังครับ พี่ปุ๊กหาให้ผมหน่อยสิ” รพีพัฒน์ยิ้มประจบ

    “ไม่ล่ะจ้ะ พี่ไม่อยากทำบาป”

    “ทำบาปอะไรกันครับพี่ เห็นผมแบบนี้ผมรักใครรักจริงนะครับ” รพีพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ยังไม่ปิ๊งใครเลยหรือ”

    “ก็มีบ้าง” พูดจบภาพใบหน้าของเพื่อนบ้านก็ลอยเข้ามา

    “รีบแต่งงานก็ดีนะ คุณพี จะได้มีคนไปช่วยดูแลงานที่สวน คุณมลก็อายุเยอะแล้ว” ปุณรีรินชาดอกอัญชันผสมมะนาวให้ชายหนุ่มพร้อมด้วยขนมลืมกลืน

    “ขอบคุณครับ” รพีพัฒน์ดื่มชาที่เจ้าของร้านนำมาให้ “สมัยนี้หายากครับ ผู้หญิงที่จะมาแต่งกับชาวสวนอย่างผม”

    “พี่ว่าต้องมีแหละ แค่เธอยังไม่เจอ”

                    รพีพัฒน์ไปเยี่ยมลูกค้าอีกสองราย ก่อนกลับบ้านชายหนุ่มแวะสำรวจตลาดที่ปากคลองตลาด สวนของเขาปลูกดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกุหลาบเกรดเอ ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มผสมพันธุ์กุหลาบให้มีสีหลากหลายมากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ

                    เสียงเคาะประตูดังรัวเป็นจังหวะ พรีมขมวดคิ้ว ใครนะมาหาเธอ หญิงสาวไม่ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านมากนัก แม้จะอยากมีเพื่อนไว้คุยก็ตาม เพราะเธอไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร “กริ่งก็มี จะเคาะประตูให้เจ็บมือทำไมนะ” หญิงสาวคิดในใจ ด้วยความแปลกใจหญิงสาวลืมดูช่องตาแมวว่าใครมา

                    รพีพัฒน์คิดว่าเขายิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ ชายหนุ่มคาดหวังว่าเขาได้รับการยิ้มตอบ แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นสีหน้าตกใจระคนสงสัยแทน

    “มีอะไรหรือคะ” พรีมถามหลังจากตั้งสติได้

    “ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ครับ”

    “ค่ะ” พรีมตกใจจึงพูดได้แค่นั้น

    “ผมมีเรื่องรบกวน คุณมีน้ำปลาหรือเปล่าครับ”

    “ไม่มีค่ะ ฉันไม่ได้ทำกับข้าว” พรีมตอบพลางนึกอาย “เขาจะคิดยังไงนะ คนอะไรไม่มีน้ำปลาติดบ้านสักขวด”

    “อืม งั้นปกติคุณคงทานข้าวนอกบ้านทุกวัน”    

    “ค่ะ” พรีมตอบพร้อมพยักหน้า

    “ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อพีนะครับ”

    “ค่ะ คุณพี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พรีมตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก

    “ครับ คุณ...”

    “พรีมค่ะ”

    “อ้อ คุณพิม” รพีพัฒน์ทวนชื่อเธอ พรีมนึกอยากจะค้าน เธอคิดว่าออกเสียงตัวควบกล้ำชัดเจนแล้ว แต่คิดอีกทีปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน

    “ผมไม่กวนแล้วครับ” รพีพัฒน์ยิ้มให้เธออีกครั้ง แล้วหันหลังเดินกลับห้อง พรีมปิดประตู เพื่อนบ้านคนก่อนมักจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาค้างไม่ซ้ำกันซักคน ตอนนี้เขาคงย้ายไปแล้ว ไม่รู้คนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

                    รพีพัฒน์เปิดตู้เย็น หยิบน้ำอัดลมกระป๋องออกมาเปิดดื่ม “ชื่อพิม ชื่อโหลชะมัด แต่ก็เรียกง่ายดี” ชายหนุ่มคิด เขาเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบหนังสือเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ที่ซื้อมาใหม่หลายเล่มเพื่อหาข้อมูลไปปรับปรุงสายพันธุ์กุหลาบ
                        ************************************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่