การที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี กำลังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ
ไม่ใช่อะไรที่น่าประหลาดใจเลย เพราะทั้งสองทีมนี้ต่างก็ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งแย่งแชมป์กันมาแต่แรกอยู่แล้ว
แต่หลังจากผ่านนัดที่ 34 ไป ทีมที่อยู่อันดับ 1 ของตารางคะแนน กลับกลายเป็น Liverpool FC
ทั้งที่ถ้าดูจากชื่อชั้นนักฟุตบอล ชื่อชั้นโค้ช เงิน ฯลฯ ลิเวอร์พูล ยังดูเป็นรองทั้งสองทีมนั้นอยู่มาก
ดังนั้น จึงน่าจะกล่าวได้ว่า ในซีซั่นนี้ไม่มีทีมไหนที่มีความมหัศจรรย์ไปมากกว่า The Red Machine
Fantastic I : Brendan Rodgers
วันที่ 1 มิถุนายน 2012 เบรนแดน รอดเจอร์ส อดีตโค้ชจากทีมเล็กๆ อย่างสวอนซี
ผ่านการสัมภาษณ์ ได้งานเป็นผู้จัดการของทีม Liverpool แบบที่แฟนหงส์แดงเกือบทั้งหมด คงจะคิดกันว่า
"สงสัยเราคงจะอยู่กลางตารางไปอีกนานเลยมั้ย, หาโค้ชมีชื่อเสียงมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ, ไม่น่าจะดีไปกว่าดัลกลิช ฮอดจ์สัน ฯลฯ"
14 เกมแรกของรอดเจอร์ส กับหงส์แดง เมื่อซีซั่นที่แล้ว คือ ชนะ 3 เสมอ 7 แพ้ 4
ชนิดที่ว่าห้านัดแรกไม่ชนะใครเลย วนเวียนอยู่โซนตกชั้น ตอนนั้นสาวกเดอะ ค็อป คงอุทานกันว่า ship หายละ
แต่รอดเจอร์สก็ค่อยๆ ปรับทีม จนพาลิเวอร์พูลไต่อันดับขึ้นมาจบที่ 7 โดย 12 นัดสุดท้าย แพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น (แพ้ทีมรักของผมไง^^)
แต่ผลงานของรอดเจอร์สกับลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้
ทั้งการวางแทคติก การจัดตัวผู้เล่น การแก้เกม การมีนักเตะให้เลือกใช้งานแบบจำกัด แต่สามารถพาหงส์แดงบินสูงได้
ก็คงไม่มีอะไรมาบรรยายได้ดีไปกว่าคำว่า FANTASTIC BROD อีกแล้ว
Fantastic II : Steven Gerrard
โลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน คงจะหานักเตะที่เล่นให้ทีมๆ เดียว ตลอดอาชีพของเขาได้ยากมาก
Steven Gerrard เป็นมากกว่ากัปตันทีม เป็นมากกว่าสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูล แต่เขาเป็น LEGEND ของลิเวอร์พูล
ซึ่งก็คงจะน่าเสียดายอย่างมาก ถ้าความจงรักภักดีต่อสโมสรของเขา จะทำให้เขาได้ชื่อว่า ตำนานไร้แชมป์ลีก
ใครจะเชื่อว่า Gerrard ในวัย 33 ปี จะกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง และพาทีมมีลุ้นแชมป์ลีกแบบใกล้เคียงที่สุด โดยเขาเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีก่อนอำลาสนาม
ณ เวลานี้ แฟนบอลเกือบทุกทีม คงอยากเห็น กัปตันเบอร์ 8 ผู้นี้ ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกบ้าง
อีกสี่เกม เราคงจะได้รู้กันว่า Fantastic Gerrard จะพาลูกทีมของเขาทำความฝันของเขา ความฝันของ The Kop อีกหลายล้านคนทั่วโลก ได้สำเร็จหรือไม่
Fantastic III : Liverpool Supporters "The Kop"
คงจะมีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้นในโลกนี้ ที่แม้ว่าทีมรักของตัวเอง จะร้างลาจากความสำเร็จระดับแชมป์ลีกสูงสุดมากว่า 24 ปีแล้ว
แต่บรรดาแฟนบอลยังเข้ามาเชียร์ในสนามจนเกือบเต็มความจุ เฉลี่ยต่อนัด 40,000 กว่าคน อยู่ทุกฤดูกาล
(ขอยกตัวอย่าง ทีมรักของผมละกันนะ ตอนเซาแธมป์ตันตกไปอยู่แชมเปี้ยนชิพ คนดูเฉลี่ยต่อนัดเหลือ 20,000 กว่าคน ลีกวัน เหลือ 15,000 คน จากความจุ 32,000 คน)
เรียกได้ว่า ไม่ว่าทีมจะตกต่ำ หรือรุ่งเรือง สาวกเดอะ ค็อป ก็ยังคงรักและสนับสนุนสโมสรอย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม
บรรยากาศการเชียร์ การร้องเพลง You'll never walk alone ก่อนและหลังจบเกม ของบรรดา The Kop
รวมไปถึงการร้องเพลงเชียร์ทีม แม้ทีมรักจะตามคู่แข่งอยู่ถึง 0-3 ในช่วงพักครึ่ง ที่อิสตันบูล ปี 2005
คงต้องบอกว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลนี่ล่ะ คือ FANTASTIC อย่างแท้จริงเลย
Fantastic IV : The Red Machine
แฟนบอลหงส์แดงอาจจะไม่ต้องสนใจที่ทีมรักเสียประตูไปแล้วมากถึง 42 ลูก ถ้าในแต่ละเกม แนวรุกยังช่วยกันยิงได้มากกว่าที่เสีย!
ใครจะคิดว่า ซีซั่นนี้ลิเวอร์พูล จะทำประตูได้แล้วมากถึง 93 ลูก จาก 34 นัด
ใครจะคิดว่า ลิเวอร์พูล จะยิงได้ 3 ประตูต่อเกมขึ้นไป มากถึง 19 จาก 34 นัดที่ลงเล่น
จะมีใครคิดว่า ซัวเรสและสเตอร์ริดจ์ จะยิงรวมกันได้มากถึง 49 ลูกแล้ว
นี่คงเป็น FANTASTIC RED MACHINE ในรอบกว่ายี่สิบปีเลยทีเดียว
Fantastic V : ภารกิจโกงความตาย
ปี 2005 ที่อิสตันบูล ลิเวอร์พูลโกงความตาย พลิกกลับมา จนได้แชมป์ UCL สมัยที่ 5 มาแล้ว
ในซีซั่นนี้ก็มีอยู่หลายเกม ที่แนวรับของลิเวอร์พูลพลาดเสียประตู หรือปล่อยให้คู่แข่งยิงนำไปก่อน
แต่สุดท้ายแล้ว กลายเป็น พลิกกลับมาเอาชนะได้แบบต้องลุ้นกันเหงื่อตก จนแฟนบอลแทบจะหัวใจวายคาจอทีวี
เช่น บุกไปชนะฟูแล่มช่วงทดเจ็บ สุดมัน 3-2
เฉือนชนะสวอนซีในแอนฟิลด์ 4-3
ไล่ตามตีเสมอคาร์ดิฟฟ์ถึง 2 ครั้ง ก่อนจะชนะ 6-3
ขึ้นนำแมนซิตี้ก่อนถึง 2-0 ก่อนโดนตีเสมอ 2-2 แล้วเกือบโดนยิงนำหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายพลิกกลับมาเอาชนะได้ 3-2
บางที หากสุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล Make Us Dream ได้สำเร็จ อาจจะไม่มีเกมไหนที่จะน่าคิดถึงมากเท่าสี่เกมนี้แล้วก็เป็นได้
Fantastic Team of the Season : Liverpool FC
หากว่าสุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูลจะพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็คงน่าเสียดาย แต่ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ
เพราะเมื่อจบนัดที่ 38 ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
สโมสรลิเวอร์พูล ก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายมามาก ซึ่งก็เหมาะสมกับคำว่า FANTASTIC TEAM! ในซีซั่นนี้แล้วนั่นเอง
ปล. เอาแชมป์ให้ได้นะ ถ้าให้ดี ก็อย่าแพ้ใครในบ้านด้วย เพราะผมจะได้เอาไปลงในแฟนเพจเซาแธมป์ตันว่า
เซาแธมป์ตัน คือทีมเดียว จาก 19 ทีม ที่บุกไปเอาชนะแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึงแอนฟิลด์^^
*แก้ไขการจัดหน้า เพิ่มเติมข้อความ เปลี่ยนรูป
ลิเวอร์พูล เอฟซี : Fantastic Team of the Season!
ไม่ใช่อะไรที่น่าประหลาดใจเลย เพราะทั้งสองทีมนี้ต่างก็ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งแย่งแชมป์กันมาแต่แรกอยู่แล้ว
แต่หลังจากผ่านนัดที่ 34 ไป ทีมที่อยู่อันดับ 1 ของตารางคะแนน กลับกลายเป็น Liverpool FC
ทั้งที่ถ้าดูจากชื่อชั้นนักฟุตบอล ชื่อชั้นโค้ช เงิน ฯลฯ ลิเวอร์พูล ยังดูเป็นรองทั้งสองทีมนั้นอยู่มาก
ดังนั้น จึงน่าจะกล่าวได้ว่า ในซีซั่นนี้ไม่มีทีมไหนที่มีความมหัศจรรย์ไปมากกว่า The Red Machine
วันที่ 1 มิถุนายน 2012 เบรนแดน รอดเจอร์ส อดีตโค้ชจากทีมเล็กๆ อย่างสวอนซี
ผ่านการสัมภาษณ์ ได้งานเป็นผู้จัดการของทีม Liverpool แบบที่แฟนหงส์แดงเกือบทั้งหมด คงจะคิดกันว่า
"สงสัยเราคงจะอยู่กลางตารางไปอีกนานเลยมั้ย, หาโค้ชมีชื่อเสียงมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ, ไม่น่าจะดีไปกว่าดัลกลิช ฮอดจ์สัน ฯลฯ"
14 เกมแรกของรอดเจอร์ส กับหงส์แดง เมื่อซีซั่นที่แล้ว คือ ชนะ 3 เสมอ 7 แพ้ 4
ชนิดที่ว่าห้านัดแรกไม่ชนะใครเลย วนเวียนอยู่โซนตกชั้น ตอนนั้นสาวกเดอะ ค็อป คงอุทานกันว่า ship หายละ
แต่รอดเจอร์สก็ค่อยๆ ปรับทีม จนพาลิเวอร์พูลไต่อันดับขึ้นมาจบที่ 7 โดย 12 นัดสุดท้าย แพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น (แพ้ทีมรักของผมไง^^)
แต่ผลงานของรอดเจอร์สกับลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้
ทั้งการวางแทคติก การจัดตัวผู้เล่น การแก้เกม การมีนักเตะให้เลือกใช้งานแบบจำกัด แต่สามารถพาหงส์แดงบินสูงได้
ก็คงไม่มีอะไรมาบรรยายได้ดีไปกว่าคำว่า FANTASTIC BROD อีกแล้ว
โลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน คงจะหานักเตะที่เล่นให้ทีมๆ เดียว ตลอดอาชีพของเขาได้ยากมาก
Steven Gerrard เป็นมากกว่ากัปตันทีม เป็นมากกว่าสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูล แต่เขาเป็น LEGEND ของลิเวอร์พูล
ซึ่งก็คงจะน่าเสียดายอย่างมาก ถ้าความจงรักภักดีต่อสโมสรของเขา จะทำให้เขาได้ชื่อว่า ตำนานไร้แชมป์ลีก
ใครจะเชื่อว่า Gerrard ในวัย 33 ปี จะกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง และพาทีมมีลุ้นแชมป์ลีกแบบใกล้เคียงที่สุด โดยเขาเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีก่อนอำลาสนาม
ณ เวลานี้ แฟนบอลเกือบทุกทีม คงอยากเห็น กัปตันเบอร์ 8 ผู้นี้ ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกบ้าง
อีกสี่เกม เราคงจะได้รู้กันว่า Fantastic Gerrard จะพาลูกทีมของเขาทำความฝันของเขา ความฝันของ The Kop อีกหลายล้านคนทั่วโลก ได้สำเร็จหรือไม่
คงจะมีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้นในโลกนี้ ที่แม้ว่าทีมรักของตัวเอง จะร้างลาจากความสำเร็จระดับแชมป์ลีกสูงสุดมากว่า 24 ปีแล้ว
แต่บรรดาแฟนบอลยังเข้ามาเชียร์ในสนามจนเกือบเต็มความจุ เฉลี่ยต่อนัด 40,000 กว่าคน อยู่ทุกฤดูกาล
(ขอยกตัวอย่าง ทีมรักของผมละกันนะ ตอนเซาแธมป์ตันตกไปอยู่แชมเปี้ยนชิพ คนดูเฉลี่ยต่อนัดเหลือ 20,000 กว่าคน ลีกวัน เหลือ 15,000 คน จากความจุ 32,000 คน)
เรียกได้ว่า ไม่ว่าทีมจะตกต่ำ หรือรุ่งเรือง สาวกเดอะ ค็อป ก็ยังคงรักและสนับสนุนสโมสรอย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม
บรรยากาศการเชียร์ การร้องเพลง You'll never walk alone ก่อนและหลังจบเกม ของบรรดา The Kop
รวมไปถึงการร้องเพลงเชียร์ทีม แม้ทีมรักจะตามคู่แข่งอยู่ถึง 0-3 ในช่วงพักครึ่ง ที่อิสตันบูล ปี 2005
คงต้องบอกว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลนี่ล่ะ คือ FANTASTIC อย่างแท้จริงเลย
แฟนบอลหงส์แดงอาจจะไม่ต้องสนใจที่ทีมรักเสียประตูไปแล้วมากถึง 42 ลูก ถ้าในแต่ละเกม แนวรุกยังช่วยกันยิงได้มากกว่าที่เสีย!
ใครจะคิดว่า ซีซั่นนี้ลิเวอร์พูล จะทำประตูได้แล้วมากถึง 93 ลูก จาก 34 นัด
ใครจะคิดว่า ลิเวอร์พูล จะยิงได้ 3 ประตูต่อเกมขึ้นไป มากถึง 19 จาก 34 นัดที่ลงเล่น
จะมีใครคิดว่า ซัวเรสและสเตอร์ริดจ์ จะยิงรวมกันได้มากถึง 49 ลูกแล้ว
นี่คงเป็น FANTASTIC RED MACHINE ในรอบกว่ายี่สิบปีเลยทีเดียว
ปี 2005 ที่อิสตันบูล ลิเวอร์พูลโกงความตาย พลิกกลับมา จนได้แชมป์ UCL สมัยที่ 5 มาแล้ว
ในซีซั่นนี้ก็มีอยู่หลายเกม ที่แนวรับของลิเวอร์พูลพลาดเสียประตู หรือปล่อยให้คู่แข่งยิงนำไปก่อน
แต่สุดท้ายแล้ว กลายเป็น พลิกกลับมาเอาชนะได้แบบต้องลุ้นกันเหงื่อตก จนแฟนบอลแทบจะหัวใจวายคาจอทีวี
เช่น บุกไปชนะฟูแล่มช่วงทดเจ็บ สุดมัน 3-2
เฉือนชนะสวอนซีในแอนฟิลด์ 4-3
ไล่ตามตีเสมอคาร์ดิฟฟ์ถึง 2 ครั้ง ก่อนจะชนะ 6-3
ขึ้นนำแมนซิตี้ก่อนถึง 2-0 ก่อนโดนตีเสมอ 2-2 แล้วเกือบโดนยิงนำหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายพลิกกลับมาเอาชนะได้ 3-2
บางที หากสุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล Make Us Dream ได้สำเร็จ อาจจะไม่มีเกมไหนที่จะน่าคิดถึงมากเท่าสี่เกมนี้แล้วก็เป็นได้
หากว่าสุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูลจะพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็คงน่าเสียดาย แต่ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ
เพราะเมื่อจบนัดที่ 38 ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
สโมสรลิเวอร์พูล ก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายมามาก ซึ่งก็เหมาะสมกับคำว่า FANTASTIC TEAM! ในซีซั่นนี้แล้วนั่นเอง
ปล. เอาแชมป์ให้ได้นะ ถ้าให้ดี ก็อย่าแพ้ใครในบ้านด้วย เพราะผมจะได้เอาไปลงในแฟนเพจเซาแธมป์ตันว่า
เซาแธมป์ตัน คือทีมเดียว จาก 19 ทีม ที่บุกไปเอาชนะแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึงแอนฟิลด์^^
*แก้ไขการจัดหน้า เพิ่มเติมข้อความ เปลี่ยนรูป