แก้แค้นแทนนาย

กระทู้สนทนา
สามก๊กฉยัยอ่านซ้ำ

แก้แค้นแทนนาย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก เริ่มขึ้นในปลายรัชสมัยของพระเจ้าเลนเต้ ผู้ทรงเชื่อฟังขันทีจนราชการฟั่นเฟือนไป และเมื่อประชวรถึงสิ้นพระชนม์ลง โดยมิได้ตั้งรัชทายาทนั้น พระองค์มีพระราชบุตรสององค์คือ หองจูเปียนผู้พี่ อายุประมาณสิบสี่ปี เป็นพระโอรสที่เกิดจากนาง โฮเฮามเหสี และหองจูเยิ้มยบผู้น้อง อายุประมาณเก้าปี ที่เกิดจากนางอองบีหยินสนมเอกซึ่งสิ้นชีวิตไปแล้ว และนางตังไทฮอมารดาของพระเจ้าเลนเต้ รับไปเลี้ยงไว้

นางโฮเฮามีพี่ชายชื่อโฮจิ๋นเป็นมหาอุปราชว่าราชการแผ่นดิน จึงยกหองจูเปียนขึ้นเป็นฮ่องเต้สืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่เป็นอยู่ได้ไม่ถึงปีก็เกิดการจลาจลขึ้นในพระราชวัง นางตังไทฮอถูกขับออกจากพระราชวัง และถูกลอบฆ่าตาย ต่อมาโฮจิ๋นก็ถูกขันทีฆ่าตาย

ตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองซีหลงเข้ามาช่วยปราบปรามจลาจล แล้วก็ยึดอำนาจในเมืองหลวงไว้ และถือโอกาสถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังก์ฮ่องเต้ แล้วให้ลิ่วล้อจัดการสังหารเสียทั้งแม่ทั้งลูก และยกหองจูเยิ้มยบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่วนตนเองก็เป็นมหาอุปราชว่าราชการแทนฮ่องเต้ผู้เยาว์ มีอำนาจสูงสุดทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊

อยู่มาไม่นานอ้องอุ้นขุนนางผู้ใหญ่ ก็วางอุบายกำจัดตั๋งโต๊ะ โดยอาศัยฝีมือของลิโป้บุตรเลี้ยงของตั๋งโต๊ะเอง สามารถฆ่าตั๋งโต๊ะและครอบครัวพร้อมด้วยบริวารกับสมัครพรรคพวกได้สำเร็จ ก็จัดการปกครองเมืองหลวงให้สงบเรียบร้อยลงเป็นปกติ

แต่ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะหนีรอดไปได้สี่คนคือ ลิฉุย กุยกี เตียวเจ และ หวนเตียว พากันไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองเซียงไส แล้วมีหนังสือมาถึงอ้องอุ้นว่า ซึ่งพวกตนได้เป็นพรรคพวกตั๋งโต๊ะนั้นก็ด้วยความจำเป็น โทษของพวกตนทั้งสี่ซึ่งได้ทำผิดนั้นขออภัยเถิด พวกตนจะขอทำราชการด้วย อ้องอุ้นต่อไป

แต่อ้องอุ้นไม่ยอมยกโทษให้ อ้างว่าตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าก็เพราะคนทั้งสี่นี้ แม้จะมีรับสั่งยกโทษให้ผู้ใดก็ตาม แต่สี่คนนี้ต้องเอาตัวมาประหารเสียให้ได้ เมื่อผู้ถือหนังสือกลับมาแจ้งให้ทราบดังนั้น ทั้งสี่คนก็เข้าตาจน ต่างก็คิดจะแยกย้ายกันเอาตัวรอดไป แต่กาเซี่ยงที่ปรึกษากลับแนะนำว่า

“.........ซึ่งจะคิดหนีนั้นเห็นไม่พ้น ขอให้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองเซียงไส แล้วประจบกับกองทัพเรา ยกไปทำการตีเอาเมืองเตียงฮัน ถ้าได้เมืองแล้วจึงจะให้ฆ่าอ้องอุ้นเสีย แลท่านทั้งสี่คนนี้จึงจะได้ทำราชการในเมืองหลวงสืบไป แม้ไม่สมคิดจึงพากันหนี.......”

ทั้งสี่นายก็เห็นชอบด้วย จึงแต่งทหารที่มีสติปัญญาไปป่าวร้องกับชาวเมืองเซียงไสว่า บัดนี้อ้องอุ้นได้เป็นใหญ่แล้ว จะยกทหารมาฆ่าชาวเมืองเซียงไส ซึ่งหาความผิดมิได้เสียให้สิ้น ถ้าผู้ใดรักชีวิตกลัวอ้องอุ้นจะฆ่าเสีย ก็ให้มาเข้าเป็นพวกด้วย จึงจะรอดจากความตาย ชาวเมืองได้แจ้งดังนั้นก็ตกใจกลัวความตาย จึงชวนกันมาเข้าเป็นสมัครพรรคพวก เป็นจำนวนประมาณสิบห้าหมื่น

ลิฉุยจึงแบ่งทหารออกเป็นสี่กอง ให้คุมคนละกองยกไปเตียงฮันเมืองหลวง เมื่อไปถึงกลางทางก็พบกับงิวฮูบุตรเขยของตั๋งโต๊ะ คุมทหารห้าพันจะยกไปแก้แค้นอ้องอุ้นเช่นเดียวกัน ทั้งสี่จึงให้เป็นทัพหน้ายกไปก่อน เมื่อใกล้จะถึงเมืองเตียงฮันก็เจอลิซกนายทหารเพื่อนเก่าของลิโป้ ยกทหารมาต้านทานไว้ ต่างก็รบพุ่งกันเป็นสามารถ แต่งิวฮูกำลังน้อยกว่าจึงเป็นฝ่ายถอย ลิซกก็ตั้งกองทหารชุมนุมอยู่ด้วยความประมาท ถึงเวลาสองยามงิวฮูก็ยกทหารเข้าโจมตีโดยไม่รู้ตัว ฆ่าทหารลิซกเสียเป็นอันมาก ตัวลิซกต้องหนีกลับเข้าเมืองเตียงฮัน ลิโป้แม่ทัพจึงให้เอาตัวไปตัดศรีษะเสียบไว้หน้าประตูเมือง

พอรุ่งขึ้นลิโป้ก็ยกทหารออกมารบกับงิวฮูด้วยตนเอง ลิโป้นั้นมีฝีมือกล้าแข็งนัก งิวฮูจึงต้องถอยอีก ลิโป้ก็มิได้ติดตาม เมื่อตั้งตัวได้แล้วงิวฮูก็ปรึกษากับคนสนิทว่า เมื่อไม่สามารถสู้กับลิโป้ได้ จำจะคิดอ่านหนีไปให้พ้น คนสนิทก็เห็นด้วย ตกเวลากลางคืนงิวฮูจึงเก็บทรัพย์สินของตนแล้วพาพรรคพวกสี่ห้าคน หนีไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง คนสนิทนั้นก็ลอบฆ่างิวฮูเสีย แล้วยึดเอาทรัพย์สมบัติของงิวฮูไว้เป็นของตน และพาลิ่วล้อสี่ห้าคนกับตัดศรีษะงิวฮู ไปให้ลิโป้ที่เมืองเตียงฮัน

แต่ลิโป้เห็นว่าทั้งหมดเป็นคนทรยศต่อนาย จึงสั่งให้ทหารเอาตัวไปประหารเสีย แล้วก็ยกกองทัพออกมาไล่โจมตีกองทหารของลิฉุยกับพรรคพวกอีกสามนาย ที่เพิ่งเดินทางมาถึงไม่ทันเตรียมรบ จึงแตกพ่ายต้องถอยไปถึงห้าร้อยเส้น ถึงเขาแห่งหนึ่งจึงตั้งค่ายมั่นลงไว้ แล้วก็ปรึกษากันว่าลิโป้นั้นมีฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ แต่หาปัญญาความคิดมิได้ จำจะต้องใช้อุบายจึงจะเอาชนะได้

ลิฉุยก็ให้กุยกีคุมทหารไปสกัดทางที่จะกลับเข้าเมืองเตียงฮัน ให้เตียวเจกับหวนเตียว ยกทหารแยกกันเข้าตีเมืองเตียงฮันเป็นสองด้าน ตนเองก็คุมทหารเข้ารบกับกองทหารของลิโป้ซึ่งยกมาถึงหลังเขา รบกันได้พักหนึ่งลิฉุยก็ให้ตีกลองเป็นสัญญาณ แล้วพาทหารถอยขึ้นไปบนเนินเขา ลิโป้พาทหารตามขึ้นไปก็ถูกระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ และทุ่มทิ้งก้อนศิลาดังห่าฝน ลิโป้ฝ่าขึ้นไปมิได้ก็พาทหารถอยลงมา

กุยกีก็ให้ตีม้าล่อยกทหารเข้าโจมตี ลิโป้ก็กลับหน้ามารบกับกุยกี ลิฉุยก็ยกทหารลงจากเขา เข้าโจมตีด้านหลัง พอลิโป้กลับมารบด้วย ก็พาทหารหนีขึ้นเขา กุยกีก็เข้ารบกระหนาบ ลิโป้ก็ตกอยู่ในระหว่างทัพทั้งสองมิรู้ที่จะป้องกันรบพุ่งข้างไหน จะถอยก็มิได้ ลิฉุยกับกุยกีก็จัดกระบวนรบยั่วลิโป้เช่นนั้นอยู่ถึงสามวันสามคืน จนมีม้าใช้ของในเมืองเล็ดลอดเข้าไปหาลิโป้ แจ้งว่าบัดนี้กองทัพเตียวเจกับหวนเตียวยกเข้าตีเมืองเตียงฮันเป็นสามารถ ข้าศึกได้ทีจวนจะเสียเมืองแล้ว

ลิโป้ได้แจ้งดังนั้นก็คุมทหารรบฝ่าออกไปจะกลับไปช่วยรักษาเมืองเตียงฮัน แม้ลิฉุยกับกุยกีจะตามตีก็มิได้ต่อสู้ด้วย ตั้งหน้าจะกลับเข้าเมือง จึงเสียทหารไปเป็นอันมาก ครั้นมาใกล้เมืองก็เจอทหารของเตียวเจและหวนเตียวล้อมไว้ ทหารของลิโป้ก็เสียกำลังใจ หนีไปเข้าด้วยทัพทั้งสองนั้นเป็นอันมาก ลิโป้ก็พลอยใจเสียไปด้วยพาทหารที่เหลืออีกไม่มากนั้น รวนเรอยู่ถึงสองสามวัน ไม่เป็นอันสู้รบกับกองทหารทั้งสี่นั้น

ขณะนั้นมีขุนนางสองคนในเมืองเตียงฮัน ซึ่งเป็นพรรคพวกของตั๋งโต๊ะ ที่เหลืออยู่ ได้เป็นไส้ศึกคุมทหารของตนลอบเปิดประตูเมืองออกทั้งสี่ด้าน รับทหารของทั้งสี่นายเข้าไปในเมืองได้ ลิโป้ก็ตามเข้าไปด้วย และไล่ฆ่าฟันทหารของลิฉุยกุยกีตายเสียเป็นอันมาก แต่ก็เหลือกำลังจึงพาทหารที่เหลือร้อยเศษ ตีหักเข้าไปถึงประตูวัง จึงได้พบกับอ้องอุ้น จึงชักชวนให้หนีไปตั้งตัวก่อนแล้วจึงกลับมาแก้แค้นใหม่ แต่อ้องอุ้นไม่ยอมไปด้วย ลิโป้จึงหนีออกไปจากเมืองเตียงฮันแต่ผู้เดียว อ้องอุ้นก็เข้าไปอยู่กับพระเจ้าเหี้ยนเต้ในวัง

เมื่อลิฉุย กุยกี เตียวเจ และหวนเตียว พาทหารเข้าไปในเมืองนั้นก็ได้ฆ่าฟันขุนนางและนายทหารเสียเป็นอันมาก แล้วยกพลเข้าไปถึงในพระราชวัง ขันทีทั้งปวงจึงเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ กับอ้องอุ้นขึ้นไปบนพระตำหนักหอสูง ลิฉุยกุยกีกับทหารทั้งปวงก็ถวายบังคม ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่า ซึ่งบังอาจทำการเข้ามาในพระราชวังนี้ จะประสงค์สิ่งใด ลิฉุยจึงทูลว่า

“.........ข้าพเจ้าทำการทั้งนี้จะได้คิดขบถต่อพระองค์นั้นหามิได้ เดิมตั๋งโต๊ะเป็นมหาอุปราชได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน แลอ้องอุ้นคบคิดกับลิโป้ฆ่ามหาอุปราชเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้ามาหวังจะฆ่าอ้องอุ้นเสียให้หายแค้น ถ้าพระองค์ทรงพระเมตตาส่งตัวอ้องอุ้นให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะพาทหารออกไป.........”

อ้องอุ้นได้ฟังดังนั้น จึงทูลฮ่องเต้ว่า ตนมีสัตย์สุจริตต่อแผ่นดิน จึงฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย บัดนี้ลิฉุยกุยกีจะมาแก้แค้น ครั้นตนจะรักชีวิตบิดพริ้วอยู่ก็จะเกิดอันตรายในพระราชฐานมากไป จึงขอเอาชีวิตของตนไปให้ศัตรูฆ่าเสีย เพื่อสนองคุณฮ่องเต้ ว่าแล้วอ้องอุ้นก็โจนลงไปจากพระแกลร้องบอกว่าจะทำประการใดก็มาเถิด กุยกีก็ถามว่า

“.........มหาอุปราชมีความผิดสิ่งใด ตัวจึงคบคิดกับลิโป้ฆ่าเสีย.........”

อ้องอุ้นก็ว่า

“...........อ้ายตั๋งโต๊ะนั้นเป็นศัตรูราชสมบัติ ทำการหยาบช้าต่อแผ่นดินเป็นอันมาก กูจึงฆ่าเสีย ขุนนางแลราษฎรทั้งปวงก็มีความยินดีด้วย เหตุไฉนตัวมืงจึงมีความเจ็บแค้นด้วยอ้ายขบถ..........”

ลิฉุยก็ถามอีกว่า

“...........มหาอุปราชทำความผิดตัวจึงฆ่าเสีย แลเราทั้งสี่นี้ได้มีหนังสือมาอ่อนน้อมจะขอทำราชการด้วย ตัวมิยอมว่าจะฆ่าเสียนั้น เรามีความผิดประการใด.........”

อ้องอุ้นก็โกรธร้องว่า

“...........ซึ่งกูมิเอามืงทั้งสี่ไว้ทำราชการด้วยนั้น เพราะมืงเป็นพวกขบถกลัวแผ่นดินจะเป็นอันตราย ซึ่งมืงคิดการทั้งนี้ จะปรารถนาสิ่งใดก็เร่งทำเถิด กูมิได้กลัวตาย............”

ลิฉุยกุยกีจึงเอากระบี่ฟันอ้องอุ้นถึงแก่ความตาย แล้วให้ทหารไปจับบุตรภรรยาญาติพี่น้องอ้องอุ้นมาฆ่าเสียสิ้นทั้งโคตร ส่วนครอบครัวของลิโป้ รวมทั้งนางเตียวเสียนภรรยาน้อยของตั๋งโต๊ะ ที่ลิโป้ชิงเอามานั้น มีคนสนิทของลิโป้แอบพาตัวหนีไปหาลิโป้ก่อนแล้ว จนได้ไปอยู่ด้วยกันที่เมืองชีจิ๋ว

ลิฉุยก็ปรึกษากับพรรคพวกทั้งสามว่า

“..........เราทำการเข้ามาถึงเพียงนี้แล้ว จะละไว้นั้นมิได้จำจะคิดเอาราชสมบัติ ฆ่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสียจึงจะควร............”

เตียวเจกับหวนเตียว ก็ห้ามว่า

“..........ซึ่งจะทำจลาจลถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้น เราไม่เห็นด้วย หัวเมืองทั้งปวงแลอาณาประชาราษฎรเห็นจะไม่ยอมด้วยเรา ก็จะยกทหารเข้ามารบพุ่งเป็นการใหญ่ เราจะได้ความขัดสน ขอให้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทูลขอทำราชการในเมืองหลวง แล้วจึงค่อยคิดอ่านแอบรับสั่งให้หาหัวเมือง เข้ามาจับฆ่าเสียให้สิ้น ราชสมบัตินั้นจะได้แก่เราโดยง่าย........”

ลิฉุยกับกุยกีก็เห็นชอบด้วย จึงพาเตียวเจกับหวนเตียวเข้าไปถวายบังคม ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่า

“............เดิมตัวบอกว่าจะขอเอาตัวอ้องอุ้น แล้วจะยกทหารกลับออกไป บัดนี้ตัวฆ่าอ้องอุ้นเสียแล้ว แลยังมิยกกลับไปยังอยู่จะประสงค์สิ่งใด...........”

ลิฉุยจึงทูลว่า

“............แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าได้ทำราชการ มีความชอบต่อแผ่นดินมากอยู่ หาผู้ใดพิดทูลพระองค์มิได้ พระองค์จึงมิได้ปูนบำเหน็จข้าพเจ้าให้เป็นขุนนาง บัดนี้ข้าพเจ้าสี่คนจะขอทำราชการเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ถ้าพระองค์โปรดให้ตามปรารถนา ข้าพเจ้าจึงจะยกทหารออกไปจากพระราชวัง..........”

พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสว่า ตัวเจ้าทั้งสี่จะพอใจเป็นขุนนางตำแหน่งใดก็ให้ว่ามา ทั้งสี่ปรึกษากันแล้ว จึงเขียนหนังสือถวายเข้าไป ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้วก็มีรับสั่งให้ ลิฉุยเป็นนายทหารใหญ่กองใน และเป็นผู้สำเร็จราชการด้วย กุยกีเป็นนายทหารกองหลังแล้วบังคับบัญชาขุนนางทั้งปวงด้วย เตียวเจและหวนเตียวเป็นนายทหารซ้ายขวา

แล้วทั้งหมดก็ยกกองทหารออกมาตั้งอยู่นอกวัง และลิฉุยก็ให้เตียวเจกับหวนเตียว ไปอยู่รักษาเมืองฮองหลงอันเป็นเมืองหน้าด่าน ไว้คอยป้องกันหัวเมืองที่จะยกมาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ และตั้งพรรคพวกของตนที่ช่วยเปิดประตูเมือง กับนายทหารที่มีสติปัญญา เป็นขุนนางเป็นอันมาก

ลิฉุยกับกุยกีก็ได้แก้แค้นแทนนายเก่าสำเร็จ และได้เป็นใหญ่ในเมืองหลวงต่อไป.

############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่