อาวุธลับวงการแบตไทย กับ ศาสตราจารย์ เจริญ วรรธนะสิน

กระทู้สนทนา
พระอัจฉริยภาพด้านกีฬาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา พสกนิกรชาวไทยมาช้านาน โดยเฉพาะการที่พระองค์ทรงได้รับเหรียญทองกีฬาเรือใบ ในมหกรรมกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 (กีฬาซีเกมส์ ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงพระอัจฉริยภาพด้านกีฬาอื่น ๆ อีกหลายประเภท รวมถึง "แบดมินตัน"

   
  

(พระเจ้าอยู่หัวทรงแบดมินตันคู่กับ"ว่องเป็งสูน" อดีตแชมเปี้ยนโลกประเภทชายเดี่ยว ณ ศาลาผกาภิรมย์ สวนจิตรลดา)


          ปี พ.ศ. 2555 สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ หรือ บีดับเบิลยูเอฟ ได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญรางวัล พิเศษ “เพรสซิเดนท์ เมดัล” (President Medal) แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย
          สำหรับ “เพรสซิเดนท์ เมดัล” ถือเป็นอิสริยาภรณ์ระดับสูงสุด ที่สหพันธ์แบดมินตันโลกมอบให้แก่ผู้ที่มีความสามารถบำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อวงการแบดมินตันโลกโดดเด่นที่สุดเท่านั้น และยังไม่เคยมอบให้แก่ใครมาก่อน  ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการทูลเกล้าฯ ถวายอิสริยาภรณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กีฬาแบดมินตันได้รับความสำเร็จในระดับสากลทุก วันนี้
          ในเวบไซต์สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้เขียนถึงการรับมอบเหรียญนี้ตอนหนึ่งว่า "...แบดมินตันของไทยได้พัฒนาก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง  ทีมชาติแบดมินตันไทยได้เข้าไปถึงระดับแชมเปี้ยนโซนเอเชียในปี ค.ศ. 1957 และเป็นผู้เข้าไปชิงชนะเลิศของโลกในปี ค.ศ. 1959 และ 1962 หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ ได้บันทึกไว้ว่า อาวุธลับในความสำเร็จของทีมชาติแบดมินตันไทย คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถของไทยที่ทรงอยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จทั้งปวงเหล่านี้โดยแท้.."

  


          ศาสตราจารย์ เจริญ วรรธนะสิน อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย และปูชนียบุคคลแห่งวงการขนไก่ คือ หนึ่งในบุคคลผู้ทรงเกียรติ ครั้งหนึ่งเคยได้เป็นคู่เล่นกีฬาแบดมินตันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อหลายสิบปีก่อน... และวันนี้เขาได้เปิดใจถึงความปลื้มปีติที่ครั้งหนึ่งได้รับใช้เบื้องพระ ยุคลบาทพระองค์ท่าน ซึ่งยังอยู่ในความทรงจำไม่มีเสื่อมคลาย



ไทยรัฐ ออนไลน์ : สวัสดีครับ อาจารย์ เจริญ หากจะให้ท่านพูดถึงความปลื้มปีติในฐานะพสกนิกร ชาวไทย และนักแบดมินตันทีมชาติไทย ที่ครั้งหนึ่งได้ใกล้ชิด ได้ถวายทรงกีฬาแบดมินตันกับพระองค์ท่าน

ศ.เจริญ : บอกตามตรงว่า เรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน  แต่วันนี้ผมอายุ 76 ปี   ผมคิดว่าเรื่องราวแบบนี้มันสมควรแก่เวลาที่จะได้รับการถ่ายทอด . . .
ก่อนอื่น ผมขอเล่าเรื่อง ความผูกพันระหว่างวงการแบดมินตันกับพระองค์ท่านก่อนนะ ในตอนนั้นเป็นยุคที่แบดมินตัน ยังไม่ได้รับการสนับสนุน  ก็จะมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวที่มีสายพระเนตรที่ยาวไกล  มองเห็นว่ากีฬาแบดมินตัน  เป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้สรีระร่างกาย หากได้รับการสนับสนุน ที่ถูกต้อง ถูกวิธี  ก็สามารถก้าวไกลไประดับโลกได้  
พระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์  ที่รักกีฬาแบดมินตันมากที่สุด ทรงแบดมินตันด้วยพระองค์เอง และก็ทรงเล่นแบดมินตันได้ดีด้วย  ช่วงนั้นพระองค์ท่านมีพระราชกระแสให้ผมเข้าไปถวายคำแนะนำและเล่นแบดมินตัน กับพระองค์ท่าน 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์เลย  อย่าถามนะว่าผมตื่นเต้นแค่ไหน  คุณคิดตามผมเอาละกันว่า  ถ้าเราได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์แบบนั้น   คุณจะเป็นอย่างไร  ระหว่างพักเสวย เราก็อยู่โต๊ะไม่ห่างจากพระองค์ท่านเท่าไหร่นัก  นั่นคือสิ่งที่พวกผมภาคภูมิใจและปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

ไทยรัฐ ออนไลน์ : พระองค์ทรงให้การสนับสนุนอย่างไร? และท่านได้ทอดพระเนตรการแข่งขัน แบดมินตันไทยเราบ่อยแค่ไหน

ศ.เจริญ : พระองค์ทอดพระเนตรการแข่งขันของพวกเราอยู่บ่อยครั้ง …
มีครั้งหนึ่งยุคนั้นเรา แข่งขันชิงแชมเปี้ยนเอเชีย เราชนะทั้ง อินเดีย ปากีสถาน และญี่ปุ่น จนได้ครองแชมป์ถ้วย โธมัสคัพ  โซนเอเชีย  ได้เข้าชิงชนะเลิศระดับโลกเป็นครั้งแรก (แบดมินตัน รายการที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก กำเนิดขึ้นปี ค.ศ. 1949)  พระองค์ท่านก็โปรดพวกเรามาก และพระราชทานกำลังใจให้กับพวกเราอย่างมหาศาล   เวลาฝึกซ้อม  พอนึกถึงพระองค์ท่านเราก็หายเหนื่อย  พระองค์ท่านทรงพระราชทานกำลังใจ  สนับสนุนวงการแบดมินตันมาตลอดร่วม 60 ปีที่ผ่านมา  ยิ่งไปกว่านั้น  ยังพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ให้กับผมได้ไปศึกษาต่อที่ ประเทศอังกฤษ  เพื่อนำความรู้กลับมาพัฒนา  บ้านเมืองต่อไป  จึงเป็นเหตุผลที่ผมอยู่รับใช้วงการแบดมินตันมาอย่างยาวนานถึง  58  ปีเต็ม  เพื่อตอบแทนพระองค์ท่านนั่นเอง

ไทยรัฐ ออนไลน์ : อะไรที่ทำให้ อ.เจริญ สัมผัสได้ว่าพระองค์ท่านทรงจริงจังกับกีฬาแบดมินตันมากขนาดนี้

ศ.เจริญ : ในช่วงที่เรากำลังบุกเบิก พระองค์ท่านเสด็จทอดพระเนตรการแข่งขันทุกนัด ไม่เคยขาดเลย เป็นการพระราชทานกำลังใจให้กับพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ที่แบดมินตันของไทย เราได้ดี มาถึงทุกวันนี้ ก็เพราะพระองค์ท่าน
อันนี้ไม่ใช่เพราะผมกล่าวคนเดียวลอย ๆ นะ สื่อต่างประเทศ อย่าง มาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ เคยพาดหัวลงข่าวแบบนี้ทั้งนั้น  ในยุคที่เราบุกเบิก โธมัส คัพ  สื่อต่างประเทศ
“ สเตร์จไทม์ ” (Straight Time) ของมาเลเซีย พาดหัวว่า  สยามเรามีอาวุธลับ นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสนับสนุนจนทำให้แบดมินตันเราก้าวไกลไปถึงระดับโลกได้

ไทยรัฐ ออนไลน์ : มีเหตุการณ์อะไรที่บ่งบอกถึงความสนพระราชหฤทัย เกี่ยวกับเรื่องของเกมการเล่นบ้างไหม

ศ.เจริญ : ครั้งหนึ่งที่ผมไปถวายทรงแบตมินตัน ท่านมีพระราชกระแสถามผมว่า คู่ต่อสู้ที่หนักใจที่สุดคือใคร
ผมก็ตอบพระองค์ท่านว่า เออร์แลนด์ ค็อปส์  (Erland Kops นักแบดมินตันชื่อดังของเดนมาร์ก) ท่านก็มีพระราชกระแสรับสั่งถามต่อว่า  ค็อปส์  เนี่ยมีลูกเล่นพิเศษอะไรบ้าง  ผมก็ทูลเกล้าทูลกระหม่อมคำแนะนำไปว่า  มีลูกตบที่หนัก  และมีพละกำลังมหาศาล



ผมก็นึกว่าพระองค์ท่านคงจะลืมแล้ว  ปรากฏว่า 3 – 4 วันถัดมา ท่านก็มีพระราชกระแสว่า ถ้าเจอกับ เออร์แลนด์ ค็อปส์ เราต้องพยายามดึงเขามาเล่นลูกหน้าเน็ต  แล้วพยายามโยนไป ไม่ให้เขาตบลูกได้ถนัด  ซึ่งตรงนี้ผมถือว่า เป็นพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านอย่างมากมายเลย  เพราะวิธีแบบนี้  ผมก็นำไปใช้เล่นกับ เออร์แลนด์ ค็อปส์  และก็ชนะมาได้หลายครั้ง คือ พยายามจะให้เขาหงายตี  แทนที่จะได้ตบได้ถนัด ๆ  นี่คือ พระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านจริง ๆ

ไทยรัฐ ออนไลน์ : ทุก ๆ อย่างที่ท่านพระราชทานความสำคัญให้กับวงการแบดมินตัน จึงเป็นที่มาของการรับรางวัลเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดจาก บีดับเบิลยูเอฟ

ศ.เจริญ : ครับ คือแบบนี้  ปีที่แล้ว ทางสหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ บีดับเบิลยูเอฟ  กำลังสรรหาผู้ที่เหมาะสมกับการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด หรือ President Medal
ผมจึงได้นำเสนอ พระราชกิจวัตรของพระองค์ท่าน รวมถึงสิ่งที่ท่านทรงพระราชทานให้กับวงการแบดมินตันมาหลายทศวรรษ ทางคณะมนตรีและสมาชิก 172 ประเทศทั่วโลก จึงมีมติถวาย President Medal ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 นี่เป็นเกียรติประวัติที่จารึกไว้ในวงการ แบดมินตันโลก ชั่วนิรันดร์

ไทยรัฐ ออนไลน์ : ชาติอื่น ๆ ไม่มีใครเขาเสนอชื่อพระมหากษัตริย์เข้ารับรางวัลบ้างหรือ

ศ.เจริญ : ในโลกนี้  คงไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ที่จะรักกีฬาแบดมินตันเท่ากับ “ในหลวง” ของเราอีกแล้ว  เท่าที่ผมพอจำได้ก็มี  เจ้าชาย เฟเดอริก ของเดนมาร์ก  แต่พอท่านขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ก็ไม่ได้ทรงแบดมินตัน  ตอนนี้จะมีอีกพระองค์คือ กษัตริย์โบลเกียห์ของบรูไน  ที่ทรงแบดมินตัน มาหลายปี  แต่เชื่อผมเถอะไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดที่ให้ความสำคัญเท่ากับพระมหากษัตริย์ ของเราหรอก

ไทยรัฐ ออนไลน์ : สุดท้าย กับพระปรีชาสามารถทั้งด้านกีฬา และสายพระเนตรที่ยาวไกล เราในฐานะคนไทย มีความภาคภูมิใจกับ “ในหลวง” ของเราอย่างไร

ศ.เจริญ : ผมคิดว่าทั่วโลกทราบกันดีน่ะว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงพระปรีชาสามารถอย่างไร ทั้งด้านการกีฬา ทั่วโลกต่างชื่นชมพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องแนวพระราชดำรัสเกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียง หลาย ๆ ผู้นำของโลกให้คำสดุดีว่า ถ้าโลกรู้จักนำพระราชดำริของพระองค์ไปใช้ จะเป็นโลกที่น่าอยู่มาก  และทุกวันนี้พระองค์ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคนไทยทุกคน

นี่คือ บทสัมภาษณ์เพียงส่วนหนึ่งกับความปลื้มปีติในฐานะพสกนิกรชาวไทย ของ ศาสตราจารย์ เจริญ วรรธนะสิน ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อตอบแทนพระองค์ท่านมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ  ทุก ๆ วินาที ที่อาจารย์ เจริญ ได้เคยใช้เวลาใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน  แม้จะผ่านพ้นมาหลายสิบปีแล้ว  แต่ทุกความทรงจำยังไม่เคยจางหาย และทำให้เขาระลึกอยู่เสมอว่า “ในหลวง” ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณยิ่งกับเขา ครอบครัว และวงการแบดมินตันไทย อย่างไร


ศ.เจริญ วรรธนะสิน : ครั้งหนึ่งที่ผมถวายทรงกีฬาแบตมินตันแด่ "ในหลวง"
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ศ.เจริญ วรรธนะสิน Badminton All England 1962
(ศ.เจริญ กางเกงสั้น)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Hall of Fame ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ถ้าถามเด็กสมัยนี้ ว่าแรงบันดาลใจในการเล่นแบตมินตัน คือใคร
ส่วนใหญ่ อาจจะตอบว่า น้องเมย์
แต่แรงบันดาลใจที่แท้จริงของนักแบตมินตันไทยทุกคน คือ " ในหลวงของเรานี่เอง "
   อมยิ้ม17 อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่