(ต่อจาก http://pantip.com/topic/31017451 ในเวลาที่ท่านทั้งสองนั้นแยกทางกัน มหาปฐพีนี้ได้สะเทือนเลื่อนลั่น (๑))
หลังจากท่านพระมหากัสสปแยกทางกับท่านภัททกาปิลานีแล้ว ก็ได้พบพระพุทธองค์ซึ่งทรงประทับนั่งรออยู่
เมื่อท่านได้พบพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งแรกนั้น ...
พระมหากัสสปเถระคิดว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระศาสดาของเรา เราบวชอุทิศพระศาสดาพระองค์นี้ ดังนี้
จำเดิมแต่ที่ที่มองเห็นได้น้อมกายเดินไปไหว้ในที่ ๓ แห่งแล้วกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระมหากัสสปเถระว่า
ดูก่อนกัสสป ถ้าเธอจะพึงทำการนบนอบนี้ไว้ในมหาปฐพีไซร้ แม้มหาปฐพีนั้นก็ไม่อาจรองรับเอาไว้ได้
การนบนอบที่เธอกระทำ ย่อมไม่อาจทำแม้ขนของเราให้สั่น เพราะตถาคตมีคุณใหญ่หลวงอย่างนี้
นั่งลงเถอะกัสสป เราจะให้ทรัพย์อันเป็นมรดกแก่เธอ.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทานอุปสมบทแก่พระมหากัสสปเถระด้วยโอวาท ๓ ประการ
(๑).
ครั้นประทานแล้วก็เสด็จออกจากโคนต้นพหุปุตตกนิโครธ เสด็จเดินทางมีพระเถระเป็นปัจฉาสมณะ.
พระสรีระของพระศาสดาตระการตาด้วยพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
สรีระของพระมหากัสสปประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๗ ประการ.
พระมหากัสสปนั้นเดินตามเสด็จพระศาสดา เหมือนเรือพ่วงไปตามเรือใหญ่สีทองฉะนั้น
พระศาสดาเสด็จเดินทางไปหน่อยหนึ่งแล้วแวะลง (ข้างทาง) แสดงอาการจะประทับนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.
พระเถระรู้ว่า พระศาสดามีพระประสงค์จะประทับนั่ง จึงกระทำสังฆาฏิอันเป็นผ้าเก่าที่ตนห่มให้เป็น ๔ ชั้นปูลาดถวาย.
พระศาสดาประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏินั้นแล้ว เอาพระหัตถ์ลูบคลำเนื้อผ้า ตรัสว่า
กัสสป สังฆาฏิอันทำด้วยผ้าเก่าผืนนี้ของเธอนุ่มดี.
พระเถระรู้ว่า พระศาสดาตรัสถึงสังฆาฏิของเรานุ่ม คงจักประสงค์จะห่ม จึงกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่มสังฆาฏิเถิด.
พระศาสดาตรัสว่า กัสสป เธอจะห่มอะไร?
พระเถระกราบทูลว่า ข้าพระองค์ได้ผ้านุ่งของพระองค์จึงจักห่ม.
พระศาสดาตรัสว่า กัสสป ก็เธอจักอาจทรงผ้าบังสุกุลที่ใช้จนเก่าผืนนี้อย่างนี้ได้หรือ ด้วยว่ามหาปฐพีได้ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
ในวันที่เราซักผ้าบังสุกุลผืนนี้.
ธรรมดาว่าจีวรที่เก่าเพราะใช้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนี้ ถึงเก่าแล้วคนที่มีคุณนิดหน่อยไม่อาจครองได้
จีวรเก่าดังกล่าวนี้ อันบุคคลผู้อาจสามารถในการบำเพ็ญข้อปฏิบัติ ผู้ถือผ้าบังสุกุลมาแต่เดิมจึงจะควรรับเอา
แล้วทรงเปลี่ยนจีวรกับพระเถระ.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปลี่ยนจีวรอย่างนี้แล้ว ทรงห่มจีวรที่พระเถระห่มแล้ว พระเถระห่มจีวรของพระศาสดา.
ในสมัยนั้น มหาปฐพีนี้แม้ไม่มีจิตใจก็ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
เหมือนจะกล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ทำได้ยาก จีวรที่พระองค์ห่มแล้ว ชื่อว่าเคยได้ประทานแก่พระสาวกไม่มี
(คือไม่เคยมีการประทานจีวรที่ทรงห่มแล้วแก่สาวก) ข้าพระองค์ไม่อาจรองรับคุณของพระองค์ได้.
แม้พระเถระก็มิได้กระทำเหย่อหยิ่งว่า เดี๋ยวนี้เราได้จีวรสำหรับใช้สอยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สิ่งที่เราจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป
ในบัดนี้ยังจะมีอยู่หรือ จึงได้สมาทานธุดงค์คุณ ๑๓ ข้อในสำนักของพระพุทธเจ้านั่นแหละ
เป็นปุถุชนเพียง ๗ วัน ในอรุณที่ ๘ ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยสูตรทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัสสปเปรียบเหมือนพระจันทร์เข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลาย หลีกกาย หลีกใจจากอกุศลธรรมทั้งหลายเป็นผู้ใหม่
อยู่เสมอ ไม่คะนองในตระกูลทั้งหลาย.
ครั้นมาภายหลังทรงกระทำกัสสปสังยุตนี้แหละให้เป็นเหตุเกิดเรื่อง จึงทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ
ด้วยพระดำรัสว่า
มหากัสสปเป็นยอดของภิกษุทั้งหลายผู้ถือธุดงค์และสอนเรื่องธุดงค์ในศาสนาของเราดังนี้แล.
ประวัติพระมหากัสสปเถระ
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&&i=146&p=4&bgc=lavender
(๑) จีวรสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=5721&Z=5816&pagebreak=0&bgc=lavender
ธุดงควัตร 13
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=ธุดงค
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ธุดงค
มหาปฐพีนี้แม้ไม่มีจิตใจก็ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดิน (๒)
(ต่อจาก http://pantip.com/topic/31017451 ในเวลาที่ท่านทั้งสองนั้นแยกทางกัน มหาปฐพีนี้ได้สะเทือนเลื่อนลั่น (๑))
หลังจากท่านพระมหากัสสปแยกทางกับท่านภัททกาปิลานีแล้ว ก็ได้พบพระพุทธองค์ซึ่งทรงประทับนั่งรออยู่
เมื่อท่านได้พบพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งแรกนั้น ...
พระมหากัสสปเถระคิดว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระศาสดาของเรา เราบวชอุทิศพระศาสดาพระองค์นี้ ดังนี้
จำเดิมแต่ที่ที่มองเห็นได้น้อมกายเดินไปไหว้ในที่ ๓ แห่งแล้วกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระมหากัสสปเถระว่า
ดูก่อนกัสสป ถ้าเธอจะพึงทำการนบนอบนี้ไว้ในมหาปฐพีไซร้ แม้มหาปฐพีนั้นก็ไม่อาจรองรับเอาไว้ได้
การนบนอบที่เธอกระทำ ย่อมไม่อาจทำแม้ขนของเราให้สั่น เพราะตถาคตมีคุณใหญ่หลวงอย่างนี้
นั่งลงเถอะกัสสป เราจะให้ทรัพย์อันเป็นมรดกแก่เธอ.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทานอุปสมบทแก่พระมหากัสสปเถระด้วยโอวาท ๓ ประการ(๑).
ครั้นประทานแล้วก็เสด็จออกจากโคนต้นพหุปุตตกนิโครธ เสด็จเดินทางมีพระเถระเป็นปัจฉาสมณะ.
พระสรีระของพระศาสดาตระการตาด้วยพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
สรีระของพระมหากัสสปประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๗ ประการ.
พระมหากัสสปนั้นเดินตามเสด็จพระศาสดา เหมือนเรือพ่วงไปตามเรือใหญ่สีทองฉะนั้น
พระศาสดาเสด็จเดินทางไปหน่อยหนึ่งแล้วแวะลง (ข้างทาง) แสดงอาการจะประทับนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.
พระเถระรู้ว่า พระศาสดามีพระประสงค์จะประทับนั่ง จึงกระทำสังฆาฏิอันเป็นผ้าเก่าที่ตนห่มให้เป็น ๔ ชั้นปูลาดถวาย.
พระศาสดาประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏินั้นแล้ว เอาพระหัตถ์ลูบคลำเนื้อผ้า ตรัสว่า
กัสสป สังฆาฏิอันทำด้วยผ้าเก่าผืนนี้ของเธอนุ่มดี.
พระเถระรู้ว่า พระศาสดาตรัสถึงสังฆาฏิของเรานุ่ม คงจักประสงค์จะห่ม จึงกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่มสังฆาฏิเถิด.
พระศาสดาตรัสว่า กัสสป เธอจะห่มอะไร?
พระเถระกราบทูลว่า ข้าพระองค์ได้ผ้านุ่งของพระองค์จึงจักห่ม.
พระศาสดาตรัสว่า กัสสป ก็เธอจักอาจทรงผ้าบังสุกุลที่ใช้จนเก่าผืนนี้อย่างนี้ได้หรือ ด้วยว่ามหาปฐพีได้ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
ในวันที่เราซักผ้าบังสุกุลผืนนี้.
ธรรมดาว่าจีวรที่เก่าเพราะใช้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนี้ ถึงเก่าแล้วคนที่มีคุณนิดหน่อยไม่อาจครองได้
จีวรเก่าดังกล่าวนี้ อันบุคคลผู้อาจสามารถในการบำเพ็ญข้อปฏิบัติ ผู้ถือผ้าบังสุกุลมาแต่เดิมจึงจะควรรับเอา
แล้วทรงเปลี่ยนจีวรกับพระเถระ.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปลี่ยนจีวรอย่างนี้แล้ว ทรงห่มจีวรที่พระเถระห่มแล้ว พระเถระห่มจีวรของพระศาสดา.
ในสมัยนั้น มหาปฐพีนี้แม้ไม่มีจิตใจก็ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
เหมือนจะกล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ทำได้ยาก จีวรที่พระองค์ห่มแล้ว ชื่อว่าเคยได้ประทานแก่พระสาวกไม่มี
(คือไม่เคยมีการประทานจีวรที่ทรงห่มแล้วแก่สาวก) ข้าพระองค์ไม่อาจรองรับคุณของพระองค์ได้.
แม้พระเถระก็มิได้กระทำเหย่อหยิ่งว่า เดี๋ยวนี้เราได้จีวรสำหรับใช้สอยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สิ่งที่เราจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป
ในบัดนี้ยังจะมีอยู่หรือ จึงได้สมาทานธุดงค์คุณ ๑๓ ข้อในสำนักของพระพุทธเจ้านั่นแหละ
เป็นปุถุชนเพียง ๗ วัน ในอรุณที่ ๘ ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยสูตรทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัสสปเปรียบเหมือนพระจันทร์เข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลาย หลีกกาย หลีกใจจากอกุศลธรรมทั้งหลายเป็นผู้ใหม่
อยู่เสมอ ไม่คะนองในตระกูลทั้งหลาย.
ครั้นมาภายหลังทรงกระทำกัสสปสังยุตนี้แหละให้เป็นเหตุเกิดเรื่อง จึงทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ
ด้วยพระดำรัสว่า
มหากัสสปเป็นยอดของภิกษุทั้งหลายผู้ถือธุดงค์และสอนเรื่องธุดงค์ในศาสนาของเราดังนี้แล.
ประวัติพระมหากัสสปเถระ
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&&i=146&p=4&bgc=lavender
(๑) จีวรสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=5721&Z=5816&pagebreak=0&bgc=lavender
ธุดงควัตร 13
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=ธุดงค
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ธุดงค