สวัสดีครับ
เพิ่งมาถึง stockholm เมื่อวานครับ เดินทางมากับสายการบิน Norwegian ที่มาเปิดตัวด้วยโปรฮือฮาเมื่อปีก่อน ทำเอาหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องจัดไป ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น จ่ายไปแค่ 19880.81 บาท ราคารวมกระเป๋า 1 ใบ 20 kg แล้ว (ถูกกว่าไปญี่ปุ่นกับการบินไทยอีก) แถมได้บินกับ B788 Dreamliner อีกต่างหาก หน้ามืดรีบจองไปทันที
ก่อนจะได้บินก็ได้ข่าวคราว(ที่ไม่สู้ดีนัก)ของ B788 Dreamliner ว่าอาจจะส่งมอบไม่ทันบ้าง หรือไม่ได้บินเพราะมีปัญหาทางเทคนิคบ้าง แต่ทางสายการบินแสดงความรับผิดชอบอย่างดีโดยการเปิดโอกาสให้เปลี่ยนแปลงวันเดินทาง หรือคืนเงินให้เต็มจำนวนหากต้องการยกเลิก ซึ่งผมตัดสินใจ เลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้นจากเดิมกันยายน มาเป็นปลายสิงหาคม เพราะคิดว่าช่วงนี้น่าจะอากาศดีเหมาะสมในการเที่ยวมากขึ้น ไหนๆ ก็จองไปแล้ว ให้โอกาสเค้า(สายการบิน)หน่อย
มาถึงวันบินจริง ทราบจากเพื่อนว่า เค้าใช้ B788 บิน โอ้ว สุดยอดดดดด ดีใจมากๆ จะได้นั่ง B788 อีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ได้นั่งยาวนานเกือบ 11 ชั่วโมงเลยทีเดียว (ครั้งแรกนั่งที่ญี่ปุ่นกับ ANA เส้นทาง Osaka-Haneda แค่ 40 นาที ยังไม่ได้ทันเข้าห้องน้ำเลย) แต่ว่าเมื่อมาถึงสนามบิน ก็พบว่าเครื่องบิน delay ไปอีก 1 ชั่วโมงครึ่ง (แป่ว!!!)
ก็ทำใจไม่คิดไรมาก แล้วเดินไป check-in ที่ ROW D ผ่านไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสดีมาก ให้บริการและช่วยเหลือเต็มที่ พูดคุยและให้คำแนะนำดี (พนักงานที่ผมเจอนะ)
จากนั้นก็เดินผ่าน ตม. แล้วก็ไปกลิ้งๆ นั่งๆ นอนๆ ในนั้นอีกเกือบ 4 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะขึ้นจริงก็ 11 โมงกว่าแล้ว (กำหนดเดิม 9.00 delay เป็น 10.30) เที่ยวนี้ผู้โดยสารเต็มลำทุกที่นั่ง ร้อยละ 95 เป็นฝรั่ง ตอน check-in ขอที่นั่งริมหน้าต่างเอาไว้ กะว่าจะไปกดหน้าต่างมหัศจรรย์เล่นให้หนำใจ แต่พอขึ้นไป เจอฝรั่งสวีเดน ผช 2 คน (หน้าตาและหุ่นดีโคตร สาวๆเห็นคงเสียดาย) นั่งจู๋จี๋กันอยู่ตรงที่ผม เอ่อ... ก็ได้ฟระ ช่างมัน นั่งริมทางเดินก็ได้ สะดวกดี ไม่ต้องปีนเข้าปีนออก (จริงๆ คือไม่รู้จะพูดกับเค้าว่ายังไง โง่อังกฤษมาก 555) อ้อ ลืมบอกไปว่า ที่นั่งชั้น ECONOMY บน Norwegian จะจัดแบบ 3-3-3 นะครับ ซึ่งไม่เหมือนกับของ ANA ที่จะจัดแบบ 2-4-2 แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกแน่นหรืออึดอัดอะไร ผมเห็นฝรั่งตัวสูงใหญ่ เค้าก็นั่งอย่างปกติดี แต่ละที่นั่งจะมีช่องเสียบ usb ให้ใต้จอ entertainment ส่วน power supply ดูใน video presentation เค้าบอกอยู่ใต้เก้าอี้ (3 ตัว มี 2 outlet)
แอร์และสจ๊วตบนเครื่องแทบจะเป็นคนไทย 100% เลยครับ ผมเห็นมีฝรั่งอยู่ 2 คนเองให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องการบินไทยเลย แถมบริการดีใช้ได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ภาษาอังกฤษค่อนข้างเป๊ะ (เท่าที่แอบฟัง เอ๊ย ได้ยิน) ตั้งใจทำงาน เดินกันตลอด (ตรงนี้ต่างกับการบินไทยนิดนึง 555) ผู้โดยสารที่สั่งอาหารไว้ก็จะได้รับอาหารก่อน แล้วก็จะมีแอร์คอยเสิร์ฟน้ำและกาแฟให้เป็นรอบๆ เหมือนเครื่อง full service ทั่วไป ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้สั่งอาหารเอาไว้ (เช่นผม) ก็ต้องรอจนกว่าเค้าจะเสิร์ฟเสร็จก่อน แล้วค่อยสั่งอาหารจากหน้าจอ (หน้าจอจะแสดงว่า Snack bar is open) รูดบัตรเครดิตได้เลย (เหมือนใน domestic ที่อเมริกา) อาหารก็จะเป็นพวก snack และ sandwich (มีไม่กี่รายการ) ซึ่งส่วนตัวผมว่าราคารับได้ ไม่แพงเกินไป (chicken sandwich อันใหญ่เท่าบ้าน 2 กล่อง ไก่ตรึม รสชาติพอใช้ ราคาแค่ 9$ แ้ล้วก็ pepsi กระป๋องละ 4$) ถ้าเทียบกับ scoot แล้ว ผมว่า norwegian โอเคกว่า เรื่องน้ำดื่มถ้าไม่อยากซื้อเป็นขวดๆ ก็เดินไปขอน้องแอร์ข้างหลังเป็นแก้วๆ ได้นะครับ (ผมเห็นฝรั่งเดินไปข้างหลังกัน แล้วถือน้ำกลับมาคนละแก้วสองแก้ว ผมเลยลองทำมั่ง 555)
มาถึงระบบ entertainment on board กันบ้าง เป็นหน้าจอแบบ touch screen ระบบ android ขนาดกี่นิ้วไม่ทราบครับ แต่ก็ใหญ่พอสมควร เป็นแบบ wide screen ชัดมากทีเดียว แต่ไม่มี joystick นะครับ ใต้จอจะมีช่องให้รูดบัตรเคดิตได้ มีรูสำหรับเสียบหูฟัง (หูฟัง iphone ใช้ได้) กับช่อง usb มีหนัง, เพลง, รายการทีวี, สารคดี, เกมส์ ให้เลือกมากมายพอสมควร สามารถสั่งอาหาร หรือซื้อสินค้า duty free ได้จากจอเลย ค่อนข้าง hi-tech พอสมควร แต่ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผมก็คือ 3D map ซึ่งจะแสดงเส้นทางบิน รายละเอียดต่างๆ ขณะบิน ผมว่าเจ๋งอ่ะ อย่างกับ google earth เลย มีการซูมลงไปดูรายละเอียดได้ในแต่ละเมืองได้ (ในเมืองที่เป็นเส้นทางบินของเค้า) หากผู้โดยสารไม่มีหูฟังไปด้วย ก็ต้องซื้อนะครับ 3$ หากรู้สึกหนาวขึ้นมาก็ซื้อผ้าหุ่มได้ในราคา 5$ (ถ้าได้ยินไม่ผิดนะ เพราะผมไม่ได้ซื้อ) จึงแนะนำว่า ให้ท่านเอาหูฟัง iphone ไปด้วย แล้วก็สวม jacket ขึ้นเครื่องซักตัว ก็จะประหยัดได้ตั้ง 8$ แน่ะ 555
ส่วนเรื่องของตัวเครื่องก็ใหม่กิ๊ก ภายในกลิ่น fresh มากๆ ดูสูงโปร่งโล่งสบาย สะอาดมากๆ ครับ overhead compartment ไม่เตี้ยดูอึดอัดเหมือนของ Airbus ภายใน cabin สามารถเปลี่ยนสีไฟได้เพื่อความเหมาะสมกับสภาวะการเดินทางช่วงต่างๆ บางช่วงเห็นเค้าเปิดเป็นสีรุ้งเล่นสีไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หัวเครื่องยันท้ายเครื่อง ก็แปลกใหม่ดีครับ ห้องน้ำใหญ่กำลังดีไม่อึดอัด ไม่มี toiletaries อะไรนอกจากสบู่ล้างมือ (ก็แน่ล่ะ low-cost airlines นะ) ฝาชักโครกก็ใช้วิธีโบกมือที่ sensor ฝาจะปิดอัตโนมัติแล้วค่อย flush (เกิดมาเพิ่งเคยเจอ อาจตื่นเต้นไปนิดนึงครับ 555) แต่เสียง flush ค่อนข้างดังนะครับ ผมนั่งห่างจากห้องน้ำ 3 แถวยังได้ยินเลย
10 ชั่วโมง 45 นาที ผ่านไป ก็เดินทางไปถึง Stockholm arlanda airport โดยสวัสดิภาพ ตอนแรก กะว่าจะนั่งเล่นถ่ายรูปต่อซักหน่อย แต่อย่างที่บอก ผู้โดยสารเต็มลำ ฝรั่งแทบทั้งนั้น กะเหรี่ยงอย่างผมเลยเกิดอาการเขิน (แต่ก็มีถ่ายรูปไว้เล็กน้อย) กะไว้ว่า ขากลับ ถ้าคนว่างๆ ก็จะถ่ายรูปเพิ่มเอามารีวิวให้อีกครับ
ส่วนตัว พอใจและ happy ครับ ถ้าได้ราคาประมาณนี้อีก ก็คงไปอีก ได้บินตรง B788 ในราคาแค่นี้ผมว่าโคตรคุ้มครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะเดินทาง หรือสนใจสายการบินนี้อยู่นะครับ
ปล. คนสวีเดน ทั้งชายหญิง หน้าตาและหุ่นโคตรดีเยอะมากกกกกกก
[CR] มินิรีวิวแบบไม่มีรูป Norwegian DY7206 BKK-Stockholm (B788 Dreamliner)
เพิ่งมาถึง stockholm เมื่อวานครับ เดินทางมากับสายการบิน Norwegian ที่มาเปิดตัวด้วยโปรฮือฮาเมื่อปีก่อน ทำเอาหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องจัดไป ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น จ่ายไปแค่ 19880.81 บาท ราคารวมกระเป๋า 1 ใบ 20 kg แล้ว (ถูกกว่าไปญี่ปุ่นกับการบินไทยอีก) แถมได้บินกับ B788 Dreamliner อีกต่างหาก หน้ามืดรีบจองไปทันที
ก่อนจะได้บินก็ได้ข่าวคราว(ที่ไม่สู้ดีนัก)ของ B788 Dreamliner ว่าอาจจะส่งมอบไม่ทันบ้าง หรือไม่ได้บินเพราะมีปัญหาทางเทคนิคบ้าง แต่ทางสายการบินแสดงความรับผิดชอบอย่างดีโดยการเปิดโอกาสให้เปลี่ยนแปลงวันเดินทาง หรือคืนเงินให้เต็มจำนวนหากต้องการยกเลิก ซึ่งผมตัดสินใจ เลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้นจากเดิมกันยายน มาเป็นปลายสิงหาคม เพราะคิดว่าช่วงนี้น่าจะอากาศดีเหมาะสมในการเที่ยวมากขึ้น ไหนๆ ก็จองไปแล้ว ให้โอกาสเค้า(สายการบิน)หน่อย
มาถึงวันบินจริง ทราบจากเพื่อนว่า เค้าใช้ B788 บิน โอ้ว สุดยอดดดดด ดีใจมากๆ จะได้นั่ง B788 อีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ได้นั่งยาวนานเกือบ 11 ชั่วโมงเลยทีเดียว (ครั้งแรกนั่งที่ญี่ปุ่นกับ ANA เส้นทาง Osaka-Haneda แค่ 40 นาที ยังไม่ได้ทันเข้าห้องน้ำเลย) แต่ว่าเมื่อมาถึงสนามบิน ก็พบว่าเครื่องบิน delay ไปอีก 1 ชั่วโมงครึ่ง (แป่ว!!!)
ก็ทำใจไม่คิดไรมาก แล้วเดินไป check-in ที่ ROW D ผ่านไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสดีมาก ให้บริการและช่วยเหลือเต็มที่ พูดคุยและให้คำแนะนำดี (พนักงานที่ผมเจอนะ)
จากนั้นก็เดินผ่าน ตม. แล้วก็ไปกลิ้งๆ นั่งๆ นอนๆ ในนั้นอีกเกือบ 4 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะขึ้นจริงก็ 11 โมงกว่าแล้ว (กำหนดเดิม 9.00 delay เป็น 10.30) เที่ยวนี้ผู้โดยสารเต็มลำทุกที่นั่ง ร้อยละ 95 เป็นฝรั่ง ตอน check-in ขอที่นั่งริมหน้าต่างเอาไว้ กะว่าจะไปกดหน้าต่างมหัศจรรย์เล่นให้หนำใจ แต่พอขึ้นไป เจอฝรั่งสวีเดน ผช 2 คน (หน้าตาและหุ่นดีโคตร สาวๆเห็นคงเสียดาย) นั่งจู๋จี๋กันอยู่ตรงที่ผม เอ่อ... ก็ได้ฟระ ช่างมัน นั่งริมทางเดินก็ได้ สะดวกดี ไม่ต้องปีนเข้าปีนออก (จริงๆ คือไม่รู้จะพูดกับเค้าว่ายังไง โง่อังกฤษมาก 555) อ้อ ลืมบอกไปว่า ที่นั่งชั้น ECONOMY บน Norwegian จะจัดแบบ 3-3-3 นะครับ ซึ่งไม่เหมือนกับของ ANA ที่จะจัดแบบ 2-4-2 แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกแน่นหรืออึดอัดอะไร ผมเห็นฝรั่งตัวสูงใหญ่ เค้าก็นั่งอย่างปกติดี แต่ละที่นั่งจะมีช่องเสียบ usb ให้ใต้จอ entertainment ส่วน power supply ดูใน video presentation เค้าบอกอยู่ใต้เก้าอี้ (3 ตัว มี 2 outlet)
แอร์และสจ๊วตบนเครื่องแทบจะเป็นคนไทย 100% เลยครับ ผมเห็นมีฝรั่งอยู่ 2 คนเองให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องการบินไทยเลย แถมบริการดีใช้ได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ภาษาอังกฤษค่อนข้างเป๊ะ (เท่าที่แอบฟัง เอ๊ย ได้ยิน) ตั้งใจทำงาน เดินกันตลอด (ตรงนี้ต่างกับการบินไทยนิดนึง 555) ผู้โดยสารที่สั่งอาหารไว้ก็จะได้รับอาหารก่อน แล้วก็จะมีแอร์คอยเสิร์ฟน้ำและกาแฟให้เป็นรอบๆ เหมือนเครื่อง full service ทั่วไป ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้สั่งอาหารเอาไว้ (เช่นผม) ก็ต้องรอจนกว่าเค้าจะเสิร์ฟเสร็จก่อน แล้วค่อยสั่งอาหารจากหน้าจอ (หน้าจอจะแสดงว่า Snack bar is open) รูดบัตรเครดิตได้เลย (เหมือนใน domestic ที่อเมริกา) อาหารก็จะเป็นพวก snack และ sandwich (มีไม่กี่รายการ) ซึ่งส่วนตัวผมว่าราคารับได้ ไม่แพงเกินไป (chicken sandwich อันใหญ่เท่าบ้าน 2 กล่อง ไก่ตรึม รสชาติพอใช้ ราคาแค่ 9$ แ้ล้วก็ pepsi กระป๋องละ 4$) ถ้าเทียบกับ scoot แล้ว ผมว่า norwegian โอเคกว่า เรื่องน้ำดื่มถ้าไม่อยากซื้อเป็นขวดๆ ก็เดินไปขอน้องแอร์ข้างหลังเป็นแก้วๆ ได้นะครับ (ผมเห็นฝรั่งเดินไปข้างหลังกัน แล้วถือน้ำกลับมาคนละแก้วสองแก้ว ผมเลยลองทำมั่ง 555)
มาถึงระบบ entertainment on board กันบ้าง เป็นหน้าจอแบบ touch screen ระบบ android ขนาดกี่นิ้วไม่ทราบครับ แต่ก็ใหญ่พอสมควร เป็นแบบ wide screen ชัดมากทีเดียว แต่ไม่มี joystick นะครับ ใต้จอจะมีช่องให้รูดบัตรเคดิตได้ มีรูสำหรับเสียบหูฟัง (หูฟัง iphone ใช้ได้) กับช่อง usb มีหนัง, เพลง, รายการทีวี, สารคดี, เกมส์ ให้เลือกมากมายพอสมควร สามารถสั่งอาหาร หรือซื้อสินค้า duty free ได้จากจอเลย ค่อนข้าง hi-tech พอสมควร แต่ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผมก็คือ 3D map ซึ่งจะแสดงเส้นทางบิน รายละเอียดต่างๆ ขณะบิน ผมว่าเจ๋งอ่ะ อย่างกับ google earth เลย มีการซูมลงไปดูรายละเอียดได้ในแต่ละเมืองได้ (ในเมืองที่เป็นเส้นทางบินของเค้า) หากผู้โดยสารไม่มีหูฟังไปด้วย ก็ต้องซื้อนะครับ 3$ หากรู้สึกหนาวขึ้นมาก็ซื้อผ้าหุ่มได้ในราคา 5$ (ถ้าได้ยินไม่ผิดนะ เพราะผมไม่ได้ซื้อ) จึงแนะนำว่า ให้ท่านเอาหูฟัง iphone ไปด้วย แล้วก็สวม jacket ขึ้นเครื่องซักตัว ก็จะประหยัดได้ตั้ง 8$ แน่ะ 555
ส่วนเรื่องของตัวเครื่องก็ใหม่กิ๊ก ภายในกลิ่น fresh มากๆ ดูสูงโปร่งโล่งสบาย สะอาดมากๆ ครับ overhead compartment ไม่เตี้ยดูอึดอัดเหมือนของ Airbus ภายใน cabin สามารถเปลี่ยนสีไฟได้เพื่อความเหมาะสมกับสภาวะการเดินทางช่วงต่างๆ บางช่วงเห็นเค้าเปิดเป็นสีรุ้งเล่นสีไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หัวเครื่องยันท้ายเครื่อง ก็แปลกใหม่ดีครับ ห้องน้ำใหญ่กำลังดีไม่อึดอัด ไม่มี toiletaries อะไรนอกจากสบู่ล้างมือ (ก็แน่ล่ะ low-cost airlines นะ) ฝาชักโครกก็ใช้วิธีโบกมือที่ sensor ฝาจะปิดอัตโนมัติแล้วค่อย flush (เกิดมาเพิ่งเคยเจอ อาจตื่นเต้นไปนิดนึงครับ 555) แต่เสียง flush ค่อนข้างดังนะครับ ผมนั่งห่างจากห้องน้ำ 3 แถวยังได้ยินเลย
10 ชั่วโมง 45 นาที ผ่านไป ก็เดินทางไปถึง Stockholm arlanda airport โดยสวัสดิภาพ ตอนแรก กะว่าจะนั่งเล่นถ่ายรูปต่อซักหน่อย แต่อย่างที่บอก ผู้โดยสารเต็มลำ ฝรั่งแทบทั้งนั้น กะเหรี่ยงอย่างผมเลยเกิดอาการเขิน (แต่ก็มีถ่ายรูปไว้เล็กน้อย) กะไว้ว่า ขากลับ ถ้าคนว่างๆ ก็จะถ่ายรูปเพิ่มเอามารีวิวให้อีกครับ
ส่วนตัว พอใจและ happy ครับ ถ้าได้ราคาประมาณนี้อีก ก็คงไปอีก ได้บินตรง B788 ในราคาแค่นี้ผมว่าโคตรคุ้มครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะเดินทาง หรือสนใจสายการบินนี้อยู่นะครับ
ปล. คนสวีเดน ทั้งชายหญิง หน้าตาและหุ่นโคตรดีเยอะมากกกกกกก