[CR] รีวิว BMW 320d Sport Line (F30) โดยคนที่ไม่เคยขับรถยุโรป และเครื่องดีเซลมาก่อน

กระทู้รีวิว
สวัสดีครับทุกท่าน

ต้องขอออกตัวก่อนว่า รถคันนี้เป็นรถของพ่อผมนะครับ
โดยตั้งใจซื้อมาให้แม่กับผมขับนั่นแหละ
แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่า แม่ผมก็ไม่ค่อยกล้าขับเท่าไหร่ เพราะกังวลเรื่องการใช้งานของ iDrive และ Feature อื่นๆของตัวรถ (ทั้งๆที่ท่านก็เคยขับ E36 มาก่อน และชอบ BMW มากๆด้วย)

ส่วนตัวเจ้าของรถเอง ก็ไม่ค่อยจะขับ เพราะช่วงนี้มีอาการปวดขา ปวดหลัง เวลาลุกเข้าออกรถจะลำบากเล็กน้อย เพราะตำแหน่งเบาะค่อนข้างจะเตี้ยพอสมควร เลยบอกว่า ขับ RX350 เหมือนเดิมนั่งสบายกว่า (แต่ก็ชมไม่หยุดนะว่า F30 ขับดีมากตอนได้รถมาใหม่ๆ)

สุดท้ายแล้ว ผมก็ขับอยู่คนเดียว เค้าล้อเล่น

ก่อนอื่นเลย ขออวดโฉมรถเสียก่อนนะครับ (รถอาจจะสกปรกนิดหน่อยนะครับ)




(ใครไม่ชอบ Daylight สามารถปิดได้ที่ iDrive นะครับ)


เวลาเลี้ยวเข้าออกซอย หรือเปลี่ยนเลนตอนรถติดๆสามารถทำได้อย่างง่ายดายเพราะตำแหน่งของล้อหน้าอยู่ใกล้กับกันชนมากครับ




ที่ใต้กันชนตรงบริเวณช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆจะมี Sensor เปิดท้ายรถด้วยเท้าครับ เวลาเปิดต้องระวังนิดนึง เพราะพอเตะแล้ว Sensor ทำงาน ฝาท้ายรถจะดีดขึ้นมาทันทีครับ (เวลาเตะ ให้เตะลมผ่านๆก็พอนะครับ ไม่ต้องเตะให้โดนกันชน)


เวลาจะปลดล๊อคประตูให้สอยนิ้วเข้าไปที่เปิดประตูได้เลยนะครับ ตัวประตูจะถูกปลดล๊อคภายในเวลา 1 วินาที
ส่วนเวลาจะล๊อคให้เอานิ้วแตะที่ขีด 5 ขีดแล้วประตูจะล๊อคเองครับ และถ้าแตะที่ขีด 5 ขีดค้างไว้สักพัก กระจกข้างจะพับเองครับ


ในแบบ Sport Line จะมีสีแดงสีเดียวที่ไม่ที่สามารถเลือกเบาะสีแดงได้ครับ




นอกจากปุ่มปรับความสูงต่ำ และองศาในการเอนของเบาะแล้ว ยังมีปุ่มซ้ายสุดซึ่งจะเป็นปุ่มปรับระดับการโอบตัวของเบาะครับ
Memory Seat (และกระจกข้าง) สามารถ Set ได้ถึง 6 แบบ ถ้าหาก Set iDrive ไว้ครบ 3 profile


ในส่วนของ Leg Room ฝั่งคนขับนั้น จะมี Switch เปิดฝากระโปรงหน้าหลัง (โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า Switch เปิดท้ายเนี้ยหายากนิดนึงนะครับ) ส่วนช่อง OBD นั้นจะเป็นช่องที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของศูนย์ครับ และใต้คันเร่งนั้น จะมี Switch เป็นแป้นบางๆ ซึ่งผมคิดว่านี้น่าจะเป็น Switch สำหรับ Kickdown

อารมณ์ประมาณว่าถ้ากระทืบคันเร่งไปโดน Switch นี้ตอนอยู่ใน Comfort หรือ Eco Pro mode เมื่อไหร่ เครื่องยนต์จะทำงานเต็มกำลังทันทีครับ


Console ของรถจะตกแต่งด้วยหนัง และพลาสติกสีดำเคลือบเงาเป็นเสียส่วนใหญ่ ส่วนสีเงินที่แป้นฐานคันเกียร์ พวงมาลัย และเส้นสีแดงตรงๆที่คาดผ่าน Console นั้นจะเป็น Aluminium ครับ

ถ้าเทียบความกว้างของภายในระหว่าง C class โฉมปัจจุบันกับ F30 ละก็ ถึงแม้ว่ามิติรถของ 3 Series โฉมนี้จะใหญ่กว่าก็จริง แต่ภายในก็ยังรู้สึกกว้างน้อยกว่า C class อยู่ดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

(ถ้าใครสนใจ C class และไม่รีบร้อน กรุณารอโฉมต่อไปที่กำลังจะออกในเวลาอันใกล้นี้ เพราะรถมิติจะใหญ่ขึ้น และอาจจะใหญ่กว่า F30 เสียเล็กน้อยครับ)


พวงมาลัยไฟฟ้าของ F30 นั้นผ่อนแรงได้ดี และแม่นยำพอสมควรครับ ตอนแรกๆที่ผมสัมผัส ผมค่อนข้างจะรู้สึกขัดใจเล็กน้อย เพราะน้ำหนักของพวงมาลัยนั้นเบากว่าที่ผมคาดเอาไว้ ต้องใช้เวลาขับไปสักพักหนึ่งถึงจะชิน

ด้วยความที่ผมขับ Mazda 3 (ปี 2007) แล้วชอบขับมือเดียวเป็นส่วนใหญ่มาตลอด เวลาขับเข้าออกซอยก็มือเดียว U-turn ใต้สะพานก็มือเดียว แล้วเวลาเลี้ยว ผมหมุนพวงมาลัยไม่เกิน 1 รอบครับ

พอมาขับคันนี้ต้องเปลี่ยนนิสัยการจับ และหมุนพวงมาลัยพอสมควร ซึ่งนอกจากน้ำหนักของพวงมาลัยที่เบากว่าแล้ว การที่รถส่งกำลังมาจากล้อหลัง ความกว้างของพวงมาลัย และฐานล้อที่ข้างค่อนจะยาว จึงส่งผลให้ผมต้องหมุนพวงมาลัยเพิ่มมากกว่าปกติ

เคยมีอยู่คราวหนึ่ง ตอนผมพึ่งขับเจ้าคันนี้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนั้นขับอยู่บนสะพานยกระดับพระราม9 (ฝั่งมุ่งหน้าไปศรินครินทร์)
แล้วถนนโล่งพอดี ปกติผมจะอยู่เลนซ้ายรอไว้เป็นกิโลเพื่อที่จะเตรียมเลี้ยวรถเข้าหัวหมาก แต่ด้วยความที่เจอ Honda Civic คันหนึ่งขับช้าผิดปกติ และมีมอไซค์อยู่ข้างหน้าเขาด้วย ผมจึงเข้า Sport mode แล้วเลี้ยวเข้าทางลงหัวหมากจากเลน 2 เลย

พอหักรถเข้าโค้งกระทันหัน ผมก็หักพวงมาลัยในระดับเดียวกับตอนที่ขับ Mazda นั่นแหละ กลายเป็นว่าเกือบไม่พ้นโค้ง (ปกติชอบเลี้ยวชิดกำแพงฝั่งขวา เพราะจะขึ้นทางพิเศษ) กลายเป็นว่าต้องหักพวงมาลัยเพิ่มอีกเล็กน้อย (เพื่อนที่นั่งมาด้วยยังบอกเลยว่าตอนแรกนึกว่าจะหักไม่พ้นซะแล้ว)

ใครที่เปลี่ยนจากรถ Compact car ญี่ปุ่นมาเป็น Premium compact ยุโรปต้องระวังนิดนึงนะครับ
แต่โดยรวมแล้ว พวงมาลัยของ F30 คันนี้เป็นมิตรกับคนขับมากครับ ซึ่งรวมถึงสุภาพสตรีด้วย



คันเกียร์ของ 3 Series Gen นี้จะเป็นคันเกียร์แบบไฟฟ้าที่อาจจะเจอได้ใน Lexus CT200h และ Toyota Prius เป็นต้น
แต่คันเกียร์ของ BMW ออกแบบมาได้เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า

ถ้าเป็น CT200h หรือ Prius ละก็ เวลาเข้าเกียร์จะต้องโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งที่เราต้องการค้างไว้สักพักจนกว่าเกียร์จะเปลี่ยน
แต่กับของ BMW นั้น ตัวคันเกียร์จะมีจังหวะสัมผัสซึ่งสามารถทำให้เรารับรู้ได้ทันทีว่า "เกียร์เปลี่ยนแล้วนะ)

โดยตัวเกียร์จะโยกขึ้นได้ 2 จังหวะ และลง 2 จังหวะ
การใช้งานจะประมาณนี้ครับ

เวลาจะเปลี่ยนจาก P (หรือ N) ไป D หรือ R ให้กดปุ่ม Unlock และโยกไปที่เกียร์ที่ต้องการ 1 จังหวะพอ
แต่ถ้าจะเปลี่ยนจาก D ไป R (หรือ R ไป D) ให้กดปุ่ม Unlock แล้วโยกเกียร์ไปจนสุดเลย (จะมีจังหวะให้รู้สึก 2 จังหวะ)
ส่วนเวลาจะเข้า P แค่กดปุ่มที่ปลายคันเกียร์ครับ

โดยทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ จะต้องเหยียบเบรกไว้ทุกครั้งนะครับ ไม่งั้นที่ iDrive จะเตือน และไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ให้ (ซึ่งน่ารำคาญ)
ส่วนเวลาจะเปลี่ยน D ไป N (หรือ N ไป D) ไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Unlock นะครับ แค่ผลักคันเกียร์ไปเลยก็พอ (แต่ยังไงก็ต้องเหยียบเบรกไว้นะ)

ส่วนในตอนที่ขับใน D อยู่ ถ้าผลักคันเกียร์ไปทางด้านซ้าย เกียร์จะเข้าสู่ DS ทันที
โดยเกียร์ Mode นี้จะเปลี่ยนให้เกียร์มีนิสัยการเปลี่ยนเกียร์แบบรถ Sport ครับ (ชอบลากรอบ ให้ใช้ Mode นี้)

แต่ถ้าอยากเปลี่ยนเกียร์เอง ให้ผลักเกียร์ขึ้น หรือลง ก็จะเข้าสู่ Manual mode เอง
โดยที่ Dashboard จะแสดงเป็น M1 จนถึง M8 เพราะระบบส่งกำลัง (Transmission) ของรถคันนี้เป็นเกียร์แบบ 8 speed นั้นเอง (ถ้าขึ้นเขาลงเขาทีนี่ สับกันแขนเมื่อยเลย เค้าล้อเล่น )

ขอพักไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
ขอนั่งพักหายใจแปปนึง เดี๋ยวมารีวิวต่อ

ถ้าพิมพ์ตกหล่นไม่เข้าใจตรงไหนขออภัยด้วย
ระหว่างที่รอผมพิมพ์ต่อ ถ้าไม่มีอะไรอ่านเล่น

http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2012/04/V11952789/V11952789.html

อ่านอันนี้รอไปก่อนก็ได้นะครับ ยิ้ม


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ชื่อสินค้า:   bmw f30 320d
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่