สวัสดีสมาชิกทุกท่าน

       The Espresso ฉบับนี้ ขอพาเพื่อนๆ สมาชิกไปทำความรู้จักกับเจ้าของล็อกอินหนุ่มหล่อสาวสวย คุณกี้ร์ กัญญ์กุลณัช กัญกุลพิพัฒน์ เจ้าของล็อกอิน "KJunior" และคุณเอ็กซ์ ปวิธพงศ์ พลนิกร เจ้าของล็อกอิน "ปี๊มะยม" คู่รักนักบิดที่มี Enduro มอเตอร์ไซค์วิบากคันเท่ เป็นพาหนะคู่ใจ ออกตะลุยบุกป่าฝ่าดงไปด้วยกันตลอดทุกทริป โดยกระทู้รีวิวล่าสุดจากทริปปกากะญอของคุณกี้ร์ ก็ทำให้เพื่อนๆ ชาวพันทิปที่ได้อ่านรู้สึกประทับใจไปกับความน่ารักของเด็กๆ ปกากะญอและทำให้เราได้รู้จักอีกมุมหนึ่งที่น่ารักของพวกเขาทั้งสองผ่านเจ้าเหมียวสมิญออีกด้วย [CR]เดินทางไกลไปหาเด็กๆปกากะญอ และ การกลับมาพร้อม สมีญอ แมวน้อยแห่งปกากะญอ

       นอกจากความเท่และคาแรกเตอร์ลุยๆ ของทั้งคู่แล้ว ทั้งสองยังใจดีเปิดบ้านให้เราได้เข้าไปนั่งคุยกันอย่างเป็นกันเอง และการสัมภาษณ์ครั้งนี้ยังสนุกสนานและพิเศษยิ่งขึ้นด้วยเพื่อนๆ แสนซนทั้ง 29 ชีวิต ในบ้านที่พวกเขาเรียกว่า "อาณาจักรแมว" บรรดาเจ้าแมวเหมียวของทาสแมวทั้งสองนี้จะน่ารักกันขนาดไหน ไปดูกัน!

 

       ฉบับนี้พิเศษจริงๆ เพราะนอกจากคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ที่ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศน่ารักๆ แล้ว เรายังนำบทสัมภาษณ์สั้นๆ จากคุณกี้ร์มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันด้วยนะ

มอเตอร์ไซค์เป็นเหมือนเพื่อนรักสักคนที่ไม่ทิ้งเราไปไหน

       KTM 690 Enduro R มอเตอร์ไซค์วิบากคันเท่ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของผู้ขี่ได้เป็นอย่างดีคันนี้ พาคุณกี้ร์ สาวสวยเจ้าของฉายา "นางฟ้าสิงห์นักบิด" ออกเที่ยวลุยป่าเขาลำเนาไพร ไม่ว่าจะเป็นทางเขา ทางลุย หรือแม้กระทั่งทางลูกรังก็ยังไม่หวั่น เสน่ห์ของมันจึงไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่ง คุณกี้ร์ยังพูดถึงความพิเศษของมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันนี้ไว้อีกว่า "ในเวลาอยู่ในที่ลุยๆ กับเราแล้วสามารถดูแลเรา พาเราผ่านอุปสรรคยากๆ ฝนตกแดดออก ก็ผ่านไปกับเรา เหมือนเพื่อนรักสักคนที่ไม่ทิ้งเราไปไหน เหนื่อยหนักยังไงต้องไปให้ถึงที่หมายกับเรา นี่แหละเสน่ห์ที่หาได้จากมอเตอร์ไซค์สักคันที่ดีและสามารถเป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจเราได้"

จากแมวจรสู่อาณาจักรเหมียวอันอบอุ่น

       นอกจากมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเธอแล้ว คุณกี้ร์ยังถือเป็นหนึ่งในทาสแมวตัวจริงอีกด้วย เธอเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการรับแมวจรทั้ง 29 ตัวมาเลี้ยงว่า "เมื่อตอนเด็กๆ พ่อกับแม่จะให้เลี้ยงที่บ้านอยู่แล้ว คราวนี้พอมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ห่างแมวที่รักมากๆ มันก็เริ่มหายจากบ้านไป จากวันสองวันเป็นหลายวันจนมันไม่กลับมา พ่อบอกว่า มันคงไม่อยากอยู่บ้าน คงตรอมใจคิดถึง พอเราได้ยินก็ร้องไห้เยอะมาก ตอนนั้นบอกตัวเองว่าต่อไปจะไม่เลี้ยงแล้วไม่อยากเสียใจ จนเมื่อสี่ปีก่อน ได้เจอแมวส้มตัวนึงมาซ่อนที่ครัว เลยเอาข้าวให้มันกิน มันน่าสงสารก็คิดว่า เราคงต้องให้โอกาสกับมัน เลี้ยงมัน แม้วันนึงจะต้องเสียใจอีกครั้งก็คงไม่เป็นไร ถ้าเรามัวแต่กลัวเสียใจคงต้องปล่อยให้มันเป็นแมวจร

       ตั้งแต่วันนั้นที่เปลี่ยนความคิดจนถึงวันนี้ก็ 29 ตัวแล้วค่ะ ยิ่งเวลาเดินทางเที่ยวไปเรื่อยๆ เราจะได้เจอทั้งหมาแมวที่มีเป็นซากศพตามถนนเยอะมาก มันเศร้าใจ ทำได้ดีที่สุดคือพกถุงมือพลาสติกกับถุงดำไว้ในเป้ตลอดเวลา เวลาเจอศพพวกนี้ก็จอดรถเก็บไปฝังหรือไม่ก็เอาออกจากข้างทาง เราก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากโดนรถเหยียบไปเหยียบมาโดยไม่มีค่าอะไรกับใครแบบนี้หรอก"

เรื่องเหมียว เหมียวที่สร้างความประทับใจ

        ในบรรดาแมวเหมียวทั้ง 29 ตัวที่มีสตอรี่ต่างที่มากันไป คุณกี้ร์เล่าว่ามีอยู่สามตัวที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจที่สุด

       ตัวแรก คือ "ปลาม่อน" เป็นแมวที่พวกเราขับมอเตอร์ไซค์วิบากออกจากป่าหน้าหนาว แถมมีฝนปรอยๆ ตอนสามทุ่ม ออกมาทะลุถนนขึ้นอินทนนท์ ได้เจอปลาม่อนลูกแมวตัวเล็กๆ เดินตากฝนตัวเดียว เลยเก็บใส่กระเป๋าเป้ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ นอนบนอินทนนท์ด้วยกัน แล้ววันต่อมาก็ให้รถจากกรุงเทพฯ ไปขนมอเตอร์ไซค์พวกเรากลับ แต่พวกเราพาปลาม่อนขึ้นเครื่องมากรุงเทพฯ ซึ่งปลาม่อนอดทนมาก นอนในเป้ จนตอนนี้อ้วนมากกลายเป็นแมวในเมืองแล้ว

 

   

     
       ตัวที่สอง "น่านเจ้า" ช่วงนั้นออกทริปจังหวัดน่าน เชียงราย ช่วงเดินทางไปแวะพักที่อ.ปัว ค่ำๆ ได้ยินเสียงลูกแมวร้องริมถนนใกล้ๆ ร้านข้าวที่พวกเรากิน เลยเดินตามหาเจอลูกแมวอยู่ใต้ท้องรถที่จอดริมถนน คือตอนนั้นคิดว่าปล่อยไว้ก็ตายแน่ เลยต้องพาไปด้วยกันโดยซื้อตะกร้าเล็กๆ มัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์วิบากของพวกเรา จากน่านขึ้นเชียงของ ไปเชียงราย ลงมาพะเยา ลำปาง ถึงกรุงเทพฯ กว่าสี่คืน การเดินทางร่วมพันกิโลเมตรที่น่านเจ้านั่งและนอนในตะกร้าจนถึงกรุงเทพ ร้อน เหนื่อย ค่ำไหนนอนนั่นเหมือนพวกเรา มันเก่งมากๆ จนได้มาเป็นหนึ่งในแมวของพวกเรา

       และตัวล่าสุด "สมิญอ" จากทริปลุยสุดๆ ที่เดินทางเข้าหมู่บ้านปกากะญอในป่าที่ไม่มีถนน เราได้เจอแมวเด็กและแม่ของมันอาศัยที่หมู่บ้านนี้ แต่การเป็นอยู่ของพวกมันไม่ปลอดภัยเลย จะโดนจับไปฝังทั้งเป็นหรือใส่กระสอบทุบเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราได้ยินแบบนั้นก็ตัดสินใจจะเอามันกลับ แต่ยังไม่รู้จะทำยังไง เพราะแถวนั้นมีแต่ชาวบ้านกับป่าไม่มีร้านขายของ จนได้เจอตะกร้าชาวเขาที่เขาใส่ขนผักเลยขอซื้อตะกร้าเขาพาดใส่เบาะรถมอเตอร์ไซค์ แล้วก็พาออกจากป่าด้วยกัน ทางเขาโค้งไปมาลำบากมาก แต่ก็ออกมาด้วยกันจนออกพ้นป่า และยังอดทนมาเรื่อยๆ จนถึงกรุงเทพฯ สมิญอเก่งมาก อดทนและไม่ตื่น คือแต่ละตัวทุกตัวจะมีเรื่องราวอยู่แล้ว จริงๆ ก็ประทับใจทุกตัว

 

       ก่อนทิ้งท้ายกันไป คุณกี้ร์ได้ฝากถึงเพื่อนๆ ชาวพันทิปเกี่ยวกับหมาแมวจรไว้ด้วยว่า "อยากฝากสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวไม่ว่าจะเดินทางในรูปแบบไหน ถ้าตามเส้นทางที่ไป ได้พบเจอหมาแมวจรที่ไม่มีโอกาสจะมีแม้แต่บ้าน ไม่มีอาหารดีๆ กิน อยากให้ช่วยให้โอกาสพวกเขาบ้างนะคะ ให้อาหารให้น้ำก็ได้ถ้าไม่สะดวกจะช่วยในอย่างอื่น อย่างน้อยพวกเขาก็ได้อิ่มอีกมื้อ หรือจะช่วยหาบ้านหรือจะพากลับบ้านแบบพวกเราก็ได้ค่ะ หรือถ้าทำไม่ได้จริงๆ ขอแค่ขับรถและท่องเที่ยวอย่างระมัดระวัง ทุกที่ที่เราไปมักมีหมาแมวจรอาศัยอยู่ บางทีเขาเผลอวิ่งออกมาถนน ถ้าเราช่วยกันระวังก็จะรักษาชีวิตอีกชีวิตได้ค่ะ

**Tip** ทำยังไงให้อาณาจักรแมวสงบสุข
        คุณกี้ร์แนะนำว่า แรกๆ ที่พาตัวใหม่เข้าบ้าน แน่นอนว่าตัวเก่าในบ้านจะผิดกลิ่น ก็ต้องจับตัวใหม่เช็ดตัวด้วยผ้าหมาดๆ ที่จะล้างกลิ่นใหม่เขาออก คอยพาตัวเก่ามาดม มาใกล้ มาทำความรู้จัก ต้องใช้เวลาแล้วก็ต้องให้เขาได้เล่นกัน มีของเล่นเขาจะลืมเพราะมัวแต่คิดเรื่องเล่น สักพักจะชินไปเอง และที่สำคัญต้องเริ่มจากตัวเราด้วย ไม่ใช่ว่าพอมีตัวใหม่จะกอดจะโอ๋แต่ตัวใหม่ ตัวเดิมจะรู้สึกว่าต้องทำร้ายน้องเพราะน้องเอาความรักไป เพราะฉะนั้นถ้ากอดต้องกอดทุกตัว ดุต้องดุทุกตัวให้เท่าเทียมกัน บอกให้รู้ว่าเรารักเขาเท่ากัน

 

   
 


 
 (c) 2009 Pantip.com All Rights Reserved.
คลิกที่นี่ หากท่านไม่ต้องการรับข่าวสารจากเราอีกต่อไป