สวัสดีสมาชิกทุกท่าน

         บ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา The Espresso มีโอกาสชวนคุณอาย - วณิชยา แจ่มสอาด เจ้าของล็อกอิน city of the damn ที่ชาวเฉลิมไทยและชาวศุภชลาศัยน่าจะคุ้นเคย หรือเห็นกระทู้ของเธอขึ้นแนะนำในช่วงหลังอยู่บ่อยๆ จากกระทู้วิจารณ์หนังที่ครบเครื่องทั้งเกร็ดความรู้ แถมฟีลลิ่งยังมาเต็ม ขนาดว่าอ่านจบปุ๊บ ก็อยากตีตั๋วดูหนังขึ้นมาปั๊บ! นอกจากนี้เธอยังเป็นแฟนบอล ที่คอยอัพเดทและเฝ้าสังเกตชีวิตนักฟุตบอลผ่านการ follow Instagram ของพวกเขาอีกด้วย!

         แม้ว่าอากาศภายนอกจะร้อนเปรี้ยง แต่เพราะได้ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศ และยังมีหญิงสาวที่นอกจากจะเขียนเก่งแล้ว เธอยังพูดเก่งไม่แพ้กันมานั่งคุยด้วย เลยทำให้บทสนทนาในวันนี้สนุกสนานขึ้นเป็นกอง รับรองว่าถึงบทสัมภาษณ์เราจะยาว(ไปนิด) แต่ก็สนุกนะ

 

 

ล็อกอิน "city of the damn" เริ่มเกิดขึ้นในพันทิปตั้งแต่เมื่อไหร่??
         อายเริ่มเล่นพันทิปตามพ่อค่ะ แต่ก่อนพ่อเล่นอยู่ห้องราชดำเนิน อายก็ตามเข้าไปอ่านเฉยๆ ถึงค่อยสมัครล็อกอินตอนปี 2550 แล้วจึงเพิ่งมาตั้งกระทู้บ่อยๆ ช่วงสองปีหลังนี้เองค่ะ
         ตอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ห้องเฉลิมไทย แต่เมื่อก่อนจะเล่นอยู่ห้องเฉลิมกรุง เพราะฟังเพลงมาตลอด เลยเขียนแต่เรื่องเพลง และหลังจากที่เริ่มมาดูหนังอย่างจริงจัง เลยเริ่มเขียนรีวิวและวิจารณ์หนังเยอะขึ้น ล่าสุดก็ไปสิงอยู่ห้องศุภชลาศัยด้วย จริงๆ อายชอบดูกีฬามานานแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ดูจริงจังอย่างตอนนี้ แต่พอเรามาดูจริงจัง ถึงเข้ามาเล่นห้องนี้ เพราะเห็นว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจเยอะดี แล้วก็เริ่มไปหาข้อมูลมาเขียนกระทู้เองบ้าง และเริ่มถี่ขึ้น จนมีคนมาแซวว่า วันนี้อัพกระทู้พันทิปหรือยัง เขาเรียกเราว่า 'อายพันทิป' กันทุกคน

สรุปว่าชอบทั้งดูหนัง ฟังเพลง แถมยังดูบอลอีกด้วย ความชอบเหล่านี้เริ่มจากตรงไหน??
         ส่วนใหญ่เริ่มมาจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือพี่ชาย เพราะที่บ้านจะมีแต่เด็กผู้ชายส่วนอายเป็นน้องเล็กก็จะฟังหรือดูตามเขาไป เริ่มจากการฟังเพลงก่อน เพลงของวง "X-Japan" คือเพลงสากลเพลงแรกที่อายร้องได้ตอนเด็กๆ เพราะตอนนั้นพี่อายคลั่งไคล้วงนี้มาก เปิดกล่อมหูทุกวัน จนเราค่อยๆ ซึมซับมัน เลยทำให้รู้สึกว่า เสน่ห์ของการฟังเพลงคือ เพลงมีความเป็นสากล ที่ทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ เรื่องฟุตบอลก็เหมือนกัน พ่อกับพี่ชายอายบ้าฟุตบอลมากๆ ตอนแรกๆ เราเองก็รู้สึกไม่ชอบนะ ในห้องนี่มีแต่โปสเตอร์นักบอล แล้วเพิ่งมาเปิดใจดู แล้วก็ชอบ เพราะรู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ดูสนุก และก็เป็นช่วงเวลาที่อายได้อยู่กับพ่อ ได้นั่งดู ได้ออกไปเชียร์บอลด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมาก

จากกระทู้ "มาดูความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นคนที่ 12 กัน"

         ส่วนทำไมถึงชอบดูหนัง อายคิดว่า การดูหนังทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่ผู้กำกับตีความและสื่อออกมาให้คนดูรู้สึกและกลับไปคิดต่อได้ ซึ่งเรามองว่าสิ่งนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนัง อย่างเรื่องคู่กรรม เป็นเรื่องหนึ่งที่กระแสวิจารณ์แตกต่างอย่างชัดเจนมาก บางคนบอกสนุก บางคนก็บอกไม่สนุกเลย แต่อายมองว่าผู้กำกับกล้าที่จะเล่าเรื่องความรักของโกโบริและอังศุมาลินในอีกแบบที่แตกต่างออกไปได้อย่างน่าสนใจ

เป็นผู้หญิงที่ชอบดูบอล แล้วติดซีรี่ส์เกาหลีด้วยรึเปล่า??
         อย่างอายนี่เรียกว่าตัวแม่เลยแหละ ซีรี่ส์เกาหลีอายก็ดู (หัวเราะ) หรือจะเป็นหนังฝรั่งวัยรุ่นใสๆ แบบโรแมนติก คอมเมดี้ ก็ชอบนะ สรุปคือดูทุกแนว จนเคยมีคนมาถามว่า สรุปเรานี่แนวไหน

เห็นมีกระทู้เกี่ยวกับเพลงเกาหลีด้วย??
         อายเหมือนเป็นโรคจิตชอบการจดบันทึกอะไรแบบนี้ ครั้งแรกที่ตั้งกระทู้บันทึกการแสดงสด เป็นกระทู้ของ 'X-Japan' และตามมาด้วย 'BIGBANG' คือจะเขียนทุกอย่างในคอนเสิร์ตหมดเลยค่ะ เราก็จะจดบันทึกเวลาเอาไว้พอเพลงขึ้นก็จะรู้ทันทีว่า อ๋อ..เพลงนี้!! อายจะดูคอนเสิร์ตในแบบบ้าผลงานมากกว่าตัวศิลปิน อย่างถ้าเป็นงานทั่วไปก็จะไม่ไปดู แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตก็จะไป เพราะเราอยากไปฟังเพลง ส่วนตัวเคยเจอศิลปินด้วยความบังเอิญก็รู้สึกว่าหล่อ หน้าตาดี แต่ไม่ถึงกับทำให้คลั่งไคล้วิ่งตาม โดยรวมแล้วก็คือฟังหลากหลายแนว เกาหลี อเมริกา อังกฤษ แต่อย่างที่บอกบ้าเรื่องผลงานมากกว่าค่ะ

นอกจากจะเป็นคนที่ชอบเสพทั้งความบันเทิง กีฬา หนังสือก็พกติดตัวไว้ตลอด??
         มันเริ่มมาจากวรรณกรรมเยาวชนสุดอมตะอย่าง "Harry Potter" ค่ะ หลังจากนั้นอายก็บ้าอ่านมาตลอด อ่านทุกอย่างตั้งแต่นิยาย ข่าว เศรษฐกิจ กีฬา หนังสือที่เนื้อหาค่อนข้างซีเรียส ส่วนใหญ่จะอ่านเพราะความอยากรู้ส่วนตัวล้วนๆ เลย บางครั้งอยากรู้อะไรก็จะไปค้น ไปอ่าน แต่บางเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียส อายก็จะไม่ได้อยู่กับมันนานมาก คืออ่านไปสักครึ่งหนึ่งแล้วพักไว้ก่อน ค่อยๆ ทำความเข้าใจไป ส่วนนิยายผู้หญิงแนวหวานๆ นี่ก็ชอบ อ่านรวดเดียวจบเลย ช่วยคลายเครียด อ่านแล้วเพลินดีค่ะ

 


   

มีนิยายเรื่องไหน ที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์แล้วชอบบ้าง??
         นิยายที่นำมาสร้างเป็นหนังที่ชอบคือ เรื่อง"The Perks of Being a Wallflower" ค่ะ ที่ชอบเรื่องนี้เพราะว่าในหนังสือค่อนข้างอืด แล้วพอมาทำเป็นหนัง คนเขียนเรื่องนี้ ก็เป็นผู้กำกับเองด้วย เขาเลยสามารถเล่าเรื่องอย่างย่อซึ่งมันทำให้กระชับและสนุกกว่ามากค่ะ ในฉบับหนังสือมันยืดยาว แล้วค่อนข้างสะสมความเครียดของตัวละคร อย่างตัวละครพระเอกมีปัญหาชีวิตเยอะ เข้ากับใครไม่ได้ อ่านแล้วเครียดๆ แต่พอมาเป็นหนังรู้สึกว่ามันเศร้า แต่ก็ยังคงมีเรื่องดีๆอยู่
         เรื่องนี้อายชอบ 'เอสร่า มิลเลอร์' ที่แสดงเป็นเกย์ค่ะ เขาเป็นดาราเด็กที่สุดยอดคนหนึ่งในการเลือกรับบทมาก บทในแบบที่ไม่ใช่ว่าใครก็เล่นได้ และเขาทำได้ดี ตีบทแตกหมดค่ะ อายเป็นคนร้องไห้ง่ายน่ะ ร้องไห้ตั้งแต่ฉากแรกเลยด้วยซ้ำ ฉากที่พระเอกเอากบเหลามาเหลาดินสอ และเขียนจดหมาย ความรู้สึกเหมือนเราห่างหายการเขียนจดหมายไปนาน มันสื่อได้เลยว่าพระเอกไม่มีคนคุยด้วย เป็นคนเหงามาก เรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องวัยรุ่นแบบง่ายๆ ซึ่งเราดูแล้วมันก็มีแบบนี้อยู่จริงๆ

เพราะชอบอ่าน จึงเป็นที่มาของกระทู้ยาวๆรึเปล่า??
         ตอนแรกก็คิดนะ ว่าเราเขียนอะไรยาวๆ จะมีคนอ่านรึเปล่า แต่ก็กลับมาคิดว่า การที่เราได้อ่าน ได้ค้นข้อมูล แล้วนำมาเขียน อย่างน้อยมันก็ให้อะไรกับเราเอง อย่างเวลาดูหนังจบ แล้วเราชอบ เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อ เจอข้อมูลน่าสนใจที่เชื่อมโยงกับหนังอยู่ ก็จะหยิบตรงนั้นตรงนี้มาเล่า จนอาจจะยาวเกินไป อย่างกระทู้เรื่อง "Zero Dark Thirty" ก็เริ่มจากที่อายสนใจเกี่ยวกับเรื่องทหารมาก่อน พอได้ไปดูหนัง ก็จำได้ว่ามีเรื่องที่เราเคยอ่าน ซึ่งเกี่ยวโยงกับหนังอยู่ด้วย จึงค่อยๆ รวบรวมข้อมูลจากข่าวหรือบทความต่างๆ ซึ่งกระทู้รีวิวเหล่านี้ส่วนใหญ่อายจะใช้เวลาเก็บข้อมูลและเขียนขึ้นมานานหน่อย ประมาณ 2-3 วัน เพราะต้องคอยอัพเดทข้อมูลข่าวด้วย หรือหนังเรื่อง "Django Unchained" นี่ก็ค้นข้อมูลนานเหมือนกันค่ะ เพราะอายไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องทาสผิวสีในอเมริกามาก่อนเลย จึงต้องไปหาข้อมูลมาเยอะพอสมควร

พูดถึงครอบครัว ครอบครัวให้แรงบันดาลใจอะไรบ้าง??
         อายสนิทกับพ่อแม่มากค่ะ แต่บางคนมองว่าก้าวร้าว เพราะบางทีอายก็เรียกแม่เป็นฉายา เรียกเจ๊ บางทีก็เรียกชื่อแม่ไปเลย ซึ่งบางคนเขาไม่เข้าใจ แต่แค่ในบ้านเราเข้าใจกันก็พอแล้ว เขาบอกถ้าเป็นลูกสาวจะสนิทกับพ่อ มีอะไรจะโทรหาพ่อตลอด เหมือนบางคนมองว่าเราไม่เคารพผู้ใหญ่ เช่น ตอนดึกๆนึกถึงเรื่องผูกเงื่อน แล้วนึกไม่ออก ก็เลยโทรหาพ่อ (พ่ออายเขาเป็นวิทยากรลูกเสือ ก็จะเป็นคนตลก ร้องเพลงเก่ง เพื่อนเยอะ) เพื่อนก็ตกใจกันหมด พ่อก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอบคำถามคราวนี้เพื่อนๆก็จะรู้กัน บางทีมีเรื่องอะไรเพื่อนจะขู่ฟ้องพ่อตลอด เลยบอกว่า"อยากฟ้อง ก็ฟ้องไปสิ" เพราะอายเล่าทุกเรื่องให้เขาฟังอยู่แล้ว อย่างกระทู้ 'มีเรื่อง ป๋า จะมาเล่าให้ฟัง ...' ก็ได้มาจากพ่อหมดเลยค่ะ

มีกระทู้ไหนบ้างที่คุณพ่อมีส่วนร่วม??
อย่างกระทู้ 'ใครเกิดทัน ตอนอเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย ตอนสงครามเวียดนามบ้างคะ?' มันเป็นเรื่องที่เราเพิ่งมารู้ แล้วรู้สึกประทับใจ เหมือนเราไม่เคยรู้มาก่อน คืออายโตที่ตาคลี จ.นครสวรรค์ โตมาตอนที่ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว แต่รุ่นพ่อแม่เราเขาอยู่ในช่วงรุ่งเรือง อายไปเจอหนังสือ "ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้" ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ พออ่านแล้วเราก็ตกใจ โทรไปบอกพ่อ เขาก็ตกใจเหมือนกัน ก็เลยเอากลับไปให้เขาอ่าน แต่บางทีเขาก็ไม่ค่อยอ่านหรอก แต่เขาก็จะเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเป็นยังไง อย่างกระทู้นี้ จริงๆแล้วแค่อยากฝึกการเขียนด้วย แต่บางคนที่ไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ต เขาอาจมองการกระทำแบบนี้ว่าไร้สาระ เหมือนทำไปเพื่ออะไร แต่เรากลับคิดว่ามันก็คือการฝึกเขียนอย่างหนึ่งเหมือนกัน

   
 


 
 (c) 2009 Pantip.com All Rights Reserved.
คลิกที่นี่ หากท่านไม่ต้องการรับข่าวสารจากเราอีกต่อไป