
|
ปั่นไป เที่ยวไป |
'เอก โตขีลี' หรือที่รู้จักกันในนาม สะบายดีบางกอก ผู้ที่หลงใหลเสน่ห์ของจักรยานเพราะเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ลองไปดูกันว่าจักรยานคู่ใจคันนี้ ได้พาให้เขาไปรู้จักกับอะไรบ้าง |
ผมปั่นจักรยานเป็นเมื่อตอนป.5 ตอนนั้นจำได้ว่ายืมของเพื่อนคนนั้นคนนี้มาปั่น ใช้เวลาไม่นานก็ปั่นเป็นครับตอนนั้นรู้สึกว่าอยากมีเป็นของตัวเองบ้าง แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนเรื่องยานพาหนะสองล้อที่สามารถเอาไปลงบนถนนได้เพราะกลัวเรื่องของความปลอดภัย
ผ่านมาจนกระทั่งผมเริ่มมีจักรยานคันแรกเมื่อตอนอายุ 18 แม่ซื้อให้เนื่องจากสอบติดเข้าเรียนที่สถาบันแห่งหนึ่ง เป็นเสือภูเขาไทยยี่ห้อถูกๆคันละ 3000 กว่าบาท ผมเลือกสีแดงเมื่อก่อนผมชอบโลโซเพราะโลโซมีเพลงจักรยานสีแดง ฮ่าๆๆ จำได้ว่าไปเลือกซื้อกับพ่อที่ห้างแถวๆบางเขน แล้วเอาใส่รถแท็กซี่ไม่ได้ วันนั้นผมจึงปั่นกลับบ้านโดยมีพ่อนั่งซ้อนกลับบ้านราวๆสิบกิโล
หลังจากวันนั้น จักรยานจึงเป็นพาหนะในการเดินทางของเขาตลอด... นอกจากสุขภาพที่ดีขึ้นจากการปั่นจักรยานแล้ว ก็เริ่มจากผมเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก่อน ชอบถ่ายรูปธรรมชาติวิถีชีวิตของผู้คนทั้งในเมืองและนอกเมืองจนไปถึงต่างจังหวัด แต่ด้วยความที่บางครั้งการนั่งรถยนต์ไปเที่ยวทำให้ผมพลาดรูปที่ต้องการหลายๆครั้ง แต่พอมีจักรยานคันใหม่ก็เริ่มได้ออกทริปเที่ยว ปั่นจากบ้านไปอยุธยาบ้าง ฉะเชิงเทราบ้าง นครนายก เอาขึ้นเรือข้ามไปเกาะ หลังๆนี่เอาไปขึ้นเขาใหญ่บ่อยๆ ได้เห็นวิวสวยๆมากขึ้น และสามารถหยุดถ่ายรูปได้ตามต้องการ
แต่ที่ได้มากกว่าภาพที่ผมถ่ายก็คือเพื่อน ไม่ว่าจะเพื่อนขาประจำที่ไปด้วยกันหรือเพื่อนขาจร เพื่อนขาจรสำหรับผมคือคนที่ปั่นจักรยานตามที่ต่างๆแล้วยิ้มกล่าวคำทักทายกัน สำหรับผมเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วที่จะเป็นเพื่อนกันได้แม้จะไม่ได้ร่วมเส้นทางเดียวกัน คนปั่นจักรยานนี่แปลกอยู่อย่างไม่ว่าจะปั่นไปเจอกันที่ไหน แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพียงแค่ปั่นสวนกันในถนนฝั่งตรงข้ามก็ยกมือกล่าวคำทักทายกันก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆได้อย่างประหลาด ซึ่งในกิจกรรมอื่นๆที่ผมเคยทำมาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนจึงทำให้ผมคิดว่าจักรยานมาพร้อมกับมิตรภาพเสมอ ไม่ว่าใครจะหยิบยื่นให้ใครก่อน ยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากที่ผมอธิบายไม่หมดใครที่ยังไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ลองมาปั่นจักรยานด้วยตัวเองดูสิครับ
|
ปั่นไป แช๊ะ!ไป |
ปั่นไปถ่ายไป จ.ส.อ.วิรัตน์ ศรีวงษา(ช้าง) นายทหารสังกัดกองทัพบก ผู้ที่ใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทาง แถมยังเก็บภาพความประทับใจต่างๆมาฝากให้พวกเราได้ดูกันอีก
ถ่ายรูปมา 6-7 ปีแล้วครับ ส่วนปั่นจักรยานนี่เพิ่งเริ่มปั่นมา 2 ปี แต่ถ้าหากกล้องกับจักรยานพัง แน่นอนต้องซ่อมกล้องก่อน เพราะผมใช้กล้องหาเงิน ส่วนจักรยานนี่ ยังมีสิ่งอื่นทดแทนได้ เช่น เดินขึ้นรถเมล์ รถยนต์ จักรยานยนต์ ฯลฯ แต่กล้องพัง เงินไม่มี :)
ส่วนเรื่องการถ่ายรูป เลนส์ผมใช้ 2 ตัว มา 4 ปีแล้ว ยังไม่งอก เพราะคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ ของที่มีอยู่ก็ถ่ายได้แต่จักรยานนี่งอกได้งอกดี ไม่ใช่เพราะมันจำเป็น แต่มันเป็นความอยากมากกว่า
ภาพที่ประทับใจที่สุดที่ได้จากการออกทริปปั่นไป แช๊ะ!ไป จากงานเทศกาลปั่นเมืองเมื่อต้นปีที่แล้ว
|
ปั่นไป ออฟฟิศ |
mekin หรือ 'เมฆ' แถมยังมีนามปากกา'ภู เมฆพิพัฒน์' ที่เคยเขียนหนังสือคู่มือในการไปเที่ยวเวียดนามเป็นเครดิตติดตัวมาอีกด้วย นักปั่นมือใหม่ ที่เลือกการเดินทางมาทำงานด้วยพาหนะสองล้อ |
ช่วงแรก ผมยังอยู่คอนโดฯ แถวแยกอ่อนนุช ก็จะปั่นจากคอนโดฯ ราว 1.2 กม. ถึงสถานีบีทีเอสอ่อนนุช ก็พับรถขึ้นบีทีเอส เอารถที่พับแล้วเสียบเข้าไปในซอกประตูพนักงานขับรถได้พอดีเป๊ะ พอถึงสถานีสะพานควาย ก็กางรถออก แล้วปั่นต่ออีกราว 3.5 กม. ก็ถึงที่ทำงาน รวมเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านถึงที่ทำงานราว 55 นาที ปั่นจริงๆ เกือบ 4 กม. เท่านั้นครับ ส่วนขากลับจะต่างออกไปนิดหน่อย คือ ปั่นจากที่ทำงานมาขึ้นบีทีเอสสถานีหมอชิต ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ
หนึ่ง ไม่มีจุดตัดหรือต้องข้ามถนนเลย เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยล้วนๆ
สอง ขึ้นสถานีต้นทาง ประกันได้ว่าได้ซอกเสียบรถแน่ๆ จะได้ไม่ไปเกะกะผู้โดยสารคนอื่น
ช่วงสอง ย้ายมาอยู่แถวประเวศ ก่อนซื้อบ้านก็ตั้งใจเลยว่าขออยู่ในแนวรถขนส่งมวลชน เพราะชีวิตนี้ "ติด" การใช้รถขนส่งมวลชนที่สามารถ Control เวลาได้แล้ว ปรากฎว่าหมู่บ้านอยู่ห่างจากสถานีแอร์พอร์ตลิงค์ทับช้างราว 2 กม. เข้าทางเลย..ปั่นจากบ้านราว 2 กม. พับรถขึ้นแอร์พอร์ตลิงค์ทับช้าง ปกติรถเที่ยวแรกคนไม่เยอะมากนัก พอหลวมๆ ไปสุดป้ายที่พญาไท แล้วเข้ารูทเดิม ต่อบีทีเอสจากพญาไปลงสะพานควาย ปั่นต่อไปที่ทำงาน รวมเวลา 1 ชั่วโมงพอดี ขากลับก็ลักษณะเดียวกัน จะมีช่วงหน้าหนาว ถ้าอากาศเย็นสบายก็จะปั่นจากบีทีเอสพญาไทไปที่ทำงานเลย เหงื่อยังไม่ทันซึม
การเดินทางในเมือง อุปกรณ์ความปลอดภัยต้องพร้อมครับ หมวกกันกระแทก, แว่นกันฝุ่น, กระจกมองหลัง, กริ่ง, ไฟหน้าไฟท้าย ถ้าจะมีถุงมือด้วยก็ดี ที่สำคัญคือ ต้องมีสติตลอดเวลา ไม่ใจลอยขณะอยู่บนท้องถนน เจอสถานที่มีความเสี่ยงก็ลงจากรถจูงเอาก็ได้ครับ รอไฟแดงก็ได้ ยกข้ามสะพานลอยบ้างก็ได้ อาจเลือกเส้นทางที่ไม่มีจุดตัดข้ามแยกใหญ่ๆ หรือเลือกทางลัดตรอกซอกซอยต่างๆ (ซึ่งก็ต้องแลกกับศัตรูนักปั่นอีกอย่างคือ "หมา" ครับ ตามตรอกซอกซอยมีโอกาสป๊ะกันสูงมาก)
วันไหนที่จำเป็นต้องทิ้งจักรยานไว้ที่บ้านแล้วขับรถไปทำงานแทน ขับรถกลับถึงบ้านแล้วรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าวันอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เข้าใจว่าเป็นเพราะร่างกายเคยชินกับการปั่นจักรยานเช้า-เย็นทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ปั่นเอ็นโดฟินคงหลั่งออกมาเก้อ ก็เลยแสดงอาการประท้วง บวกกับแทนที่จะได้ยืดเส้นยืดสายเหมือนทุกวัน แต่กลับต้องมานั่งนิ่งๆ เมื่อยๆ บนรถที่ติดแหง็กบนท้องถนน เลยให้รู้สึกเหนื่อยเข้าไปใหญ่ สำหรับผม นอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว การได้ปั่นจักรยานเป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานประจำวันที่ดีมากๆ ครับ
|
|
ครอบครัว นักปั่น |
onfly "อยู่บ้านหลังเลิกงานแล้วมันเหงา ลูกๆ ก็โตๆ กันแล้ว ไปเรียนหนังสือกันหมด กะว่า 2 คนตายาย มาออกกำลังกายแก้เหงา"และ "เจ้า COPPI" จักรยานคันแรกของคุณบุญเลิศ ก็กลายมาเป็นเพื่อนคลายเหงาสุดโรแมนติกของเขา เพราะเป็น COPPI ที่ไม่ได้มาเดี่ยวๆ แต่มากันเป็นคู่ โดยมีภรรยาสุดสวย(คุณนิกกี้) และลูกชาย (น้องแก้ว) ปั่นไปด้วยกัน |
"ทริปแรกเป็นการปั่นประเดิมของคุณพ่อวัย 42 ปี กับ ลูกชาย 12 ขวบ (ณ ตอนนั้น) ด้วยระยะทางที่ไม่ธรรมดาเลย อย่าง 65
กิโลเมตร! จากเส้นทางไป-กลับ อ.บางเลน จ.นครปฐม สู่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และเมื่อทริปแรกนี้จบลง สิ่งที่คุณพ่อวัย 42 ปี คนนี้รู้สึกและตั้งปณิธานไว้ในใจก็คือ เขาจะต้องปั่นให้ได้ไกลกว่านี้! และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของระยะทางกว่าหนึ่งหมื่นกิโลเมตรของครอบครัวนักปั่นครอบครัวนี้
"ปั่นด้วยใจ ไปให้ถึง"
คือความรู้สึกพิเศษในระหว่างทางที่พวกเราปั่นไปด้วยกัน แม้บางครั้งจุดหมายปลายทางข้างหน้าจะยาวไกล และแน่นอน
ว่าต้องมีท้อ มีเหนื่อย เกือบจะถอดใจลงกลางทาง ทริปนั้นเป็นทริปของคุณบุญเลิศกับคุณนิกกี้ เป็นทริประยะทาง 961 กิโลเมตร จากบางเลน จ.นครปฐม - แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากปั่นจักรยานผ่านมาแล้ว 4 วัน วันที่ 5 เป็นเส้นทางจากบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ไปถึงเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ด้วยความท้อแท้ ก้นระบม ขาหนีบก็เป็นแผล จึงตัดสินใจล้มเลิกเป้าหมาย แวะที่เชียงใหม่อาเขต เพื่อหาตั๋วกลับนครปฐม แต่ปรากฏว่า ตั๋วเต็มทุกเที่ยว ทั้งสองจึงตัดสินใจสู้ต่อ จนสุดท้ายก็สามารถปั่นไปถึงเหนือสุดยอดแดนสยามด้วยกันได้สำเร็จ ทริปนี้จึงเป็นทริปที่ประทับใจที่สุดของพวกเขา

|
"ปั่นจักรยานเป็นรูปประเทศไทย (เลาะตะเข็บชายแดน)"
นี่คือโครงการท้าทายฝันของครอบครัวนักปั่น ซึ่งเราเชื่อว่าตลอด 8 ปี กับไมล์สะสมระยะทาง 11,615 กิโลเมตรของพวกเขาที่ผ่านมานี้ คือ บทพิสูจน์ทั้งกำลังขาและกำลังใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรัก ที่ทำให้ทุกๆ เส้นทางของพวกเขามีความพิเศษ ในอนาคตพวกเขาจะสามารถปั่นตามฝันได้หรือไม่ ติดตามได้ที่กระทู้และบล็อกของเขา "VOYAGE de VELO : ปั่นด้วยใจ ไปให้ถึง"
|
สาวนักปั่น |
มาถึงนักปั่นผู้ที่สร้างสีสันให้กับห้องจักรยานของพันทิป ที่สุดในเวลานี้ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "สาวนักปั่นสุดฮ็อต" คุณโอ๋ เจ้าของล็อกอิน ต้นข้าวชาวนา เลยขอเอาใจหนุ่มๆ ที่รักจักรยาน และรักสาวนักปั่นจักรยานด้วย ตามมาดูกันว่า ตอนนี้เธอมีเพื่อนรู้ใจข้างกายเป็นใครกัน! |
"เสือภูเขา ขนาด 26 นิ้ว เกียร์ 24 สปีด วงล้อ 26 นิ้ว Coyote Ulyssess สีฟ้าขาวค่ะ" และแล้วเธอก็เปิดตัวเพื่อนรู้ใจของเธอ
ที่เพิ่งคบกันมาได้เดือนนึง
"จริงๆ แล้วปั่นจักรยานตั้งแต่อยู่ต่างจังหวัด แต่พึ่งมาปั่นจักรยานแบบจริงๆ จังๆ ที่กทม. ตัดสินใจอยู่ซักพักนึง จนมีการพูดคุยกับเพื่อนๆ ในบริษัท ได้ก่อตั้งกลุ่มเล็กๆ กันขึ้นมา โดยตั้งเป้าว่าจะปั่นจักรยานมาทำงานกัน ด้วยความที่เป็นผู้หญิงอาจจะดูเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็พยายามเลือกเวลาในการปั่นและแต่งกายให้รัดกุม ไม่ใส่เครื่องประดับ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายในระดับหนึ่ง"
"เสน่ห์ที่คุณโอ๋ค้นพบหลังจากที่เริ่มคบกับเจ้าเสือภูเขามาได้เดือนนึง คือ "เป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมาก และเป็นความชอบส่วนตัว เป็นการออกกำลังกายที่ไม่จำเจอยู่กับที่ สิ่งที่เกิดขึ้นที่เห็นได้ชัดคือ ร่างกายค่อนข้างเฟิร์ม เวลาปั่นก็ไดสัมผัสบรรยากาศและชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย นอกจากนี้ เมื่อเริ่มหันมาปั่นจักรยานอย่างจริงจัง ก็ทำให้ได้พบกับกลุ่มคนที่รักในการปั่นจักรยานเหมือนกัน ระหว่างการเดินทางบนท้องถนน บ้างก็ทักทายกัน ได้รับน้ำใจต่างๆ จากคนในสังคมจักรยาน ทั้งๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ในสังคมเมืองที่ต่างคนต่างอยู่ แต่เราได้มองเห็นอะไรดีๆ ในสังคม ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"
"แอบกระซิบหนุ่มๆ คนไหนที่เป็นแฟนคลับคุณโอ๋ ถึงสถานที่สุดโปรดในการปั่นของเธอคือ "สวนรถไฟ เพราะอากาศดี สดชื่น เหมือนกับเป็นปอดในเมืองหลวง รู้สึกมีกิจกรรมอะไรเยอะ แถมมีทางรถจักรยานให้ด้วย รู้สึกเวลาในการใช้ชีวิตช้าลง ไม่ต้องเร่งรีบอะไรมาก แต่ที่ที่อยากไปคือ ช็อคโกแลตวิลล์และก็ร้านสู้แค่หมดค่ะ" ส่วนเส้นทางที่ปั่นประจำของเธอคือ เส้นหทัยราษฎร์ เป็นเส้นตัดจากถนนรามอินทรามายังสายไหม
"เคล็ดลับสำหรับๆ สาวๆ ที่อยากเริ่มปั่น แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ กับการปั่นจักรยานท่ามกลางแดดเดือนเมษาอันแผดเผา คุณโอ๋ฝากไว้ว่า "หลังจากปั่นไปประมาณ 1 อาทิตย์ พบว่าผิวเริ่มคล้ำ จุดด่างดำบนใบหน้าเริ่มมีและเห็นได้ชัด เลยเริ่มมีการเข้าไปศึกษาตามกระทู้ต่างๆ จากหลายๆ ห้องและมีการป้องกันโดยการทาครีมกันแดด จากเดิม 1 ชั้น ก็กลายเป็น 2 ชั้น เผื่อเหงื่อออก และดูรายละเอียดข้างขวดมากขึ้น ดู SPF และคุณสมบัติมากขึ้น ใส่เสื้อแขนยาวป้องกัน" เพียงเท่านี้สาวๆ ก็สามารถปั่นไป สวยไป ท้าแดดได้สบายๆ

|
|