ความคิดเห็นที่ 1 ขอกางแผนที่เดินทางในภาพรวมให้ดูก่อน แม้ว่าระยะทางของการเดินทางในตอนนี้(แสดงด้วยเส้นสีม่วง) จะดูน้อยนิด แค่จากสถานีทุ่งสงไปยัง อุโมงค์ช่องเขา ประมาณ 12 กิโลเมตรก็ตาม แต่ก็จะได้ทราบตำแหน่งของปฏิบัติการสำรวจในวันนี้ว่าอยู่ตรงไหนของแผนการเดินทางครับ ปลายทางคือ ปาดังเบซาร์ ก็นับว่าอีกไม่ไกลแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:10:04

ความคิดเห็นที่ 2 จากแผนที่ใหญ่ ก็ขยายมาเป็นแผนที่เล็ก ในส่วนของการเดินทางไปสู่อุโมงค์ช่องเขากัน เส้นทางหลักๆ ระหว่าง ทุ่งสง ไป นครศรีธรรมราชและหาดใหญ่ นั้นมี 3 เส้นทาง คือ 1.ถนนสายเก่าดั้งเดิม สาย 403 ที่เล็ก รถวิ่งสวนทาง ซึ่งเป็นถนนที่ผมใช้เดินทาง   2.ถนนสายใหม่ สาย 41 ใหญ่กว้าง 4 ช่องทาง คือฝั่งละ 2 ช่องทางมีเกาะกลาง ถนนสายนี้ไม่ผ่านเมืองทุ่งสง วิ่งอ้อมลงไปทางใต้ อ้อมหลังภูเขาแจ่ม แล้ววกขึ้นมารวมกับ สาย 403 ตรงใกล้ๆทางเข้าสถานีช่องเขาพอดี แล้วถนนสาย 403 ก็จมหาย เอ๊ย ละลายรวมเข้ากับถนนสาย 41 ไป (ในความเป็นจริง น่าจะเคยเป็นถนนสาย 403 แล้วมาขยายเป็น 41 ในช่วงต่อจากนี้ จนถึงทางแยกไป นครศรีธรรมราช กับ ล่องใต้ลงไปหาดใหญ่ ถนนสาย 403 ก็กลับมาปรากฏอีกครั้ง เพื่อแยกไปยัง นครศรีธรรมราช 3.ทางรถไฟสายใต้  ซึ่งจะอยู่ระหว่างถนนสองสายข้างบน เลาะภูเขาแจ่มในระยะใกล้ มาตัดกับถนนสาย 403 ตรงจุดใกล้บรรจบ ถนนสาย 41 พอดี ซึ่งจุดนี้ก็มีทางเข้าไปสถานีช่องเขาไปด้วย  ผมดูตำแหน่งสถานีช่องเขา จากแผนที่ใน GPS Map แล้วผิด ต้องสอบถามชาวบ้านแถวนั้น จนหาทางเข้าสถานีได้ถูกต้อง ดังแสดงในภาพข้างล่างครับ ส่วนเส้นทาง(เดิน)เข้าสู่อุโมงค์นั้น ผมแสดงด้วยเส้นสีเขียว มี 2 ด้าน คือทางด้านทิศตะวันตก กับ ทิศตะวันออก  การได้เดินสองด้าน ทำให้ได้เห็นธรรมชาติป่าเขาเต็มๆ ก่อนที่จะเข้าสู่อุโมงค์ นับว่าคุ้มค่าจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:22:34

ความคิดเห็นที่ 3 มาชมต่อ............ขอบคุณครับ   จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:24:27

ความคิดเห็นที่ 4 มาเริ่มเดินทางกันด้วยภาพซะที ภาพบน : ปลายถนนสาย 403 จากทุ่งสง ที่เป็นทางโค้งไปสู่จุดตัดข้ามทางรถไฟ ต้องใช้ความระมัดระวังบ้าง แม้จะมี จนท.กั้นทางให้ตอนที่รถไฟมาก็ตาม เลยไปเป็นสามแยกตัดกับถนนใหญ่ สาย 41 ที่รถทัวร์จะนิยมวิ่งสายนี้ ถ้าหากท่านมาทางนี้ ก็ต้องเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกนี้ เพื่อเข้าไปยังสถานีรถไฟช่องเขา   เพราะทางแยกเข้าสถานี นั้นอยู่ติดกับจุดตัดข้ามทางรถไฟพอดี ภาพกลาง : ขับเข้าไปประมาณ ครึ่งกิโลเมตรผ่านวัดจำปาวราราม ก็เลี้ยวขวาตรงทางแยกในรูป (ดูเปลี่ยวๆ ไม่มีป้ายบอกทางใดๆ) ภาพล่าง : ทางที่เข้ามา เล็กมาก รถสวนกันยังลำบาก ดูคล้ายว่ากำลังเข้าบ้านคนไปด้วยซ้ำ ต้องลุ้นว่าหลงหรือไม่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:34:31

ความคิดเห็นที่ 5 ขออนุญาต ปาดหน้าหน่อยครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 11:40:28 จากคุณ : DA-4 เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:39:07

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีครับ คุณLow Batt : ด้วยความยินดี ที่เป็นท่านแรกที่เข้ามาพบ และแวะทักทายกันครับ กำลังเริ่มเดินทางเชิญติดตามต่อไปได้ครับ เข้ามาได้ประมาณ 200 เมตรก็เห็นทางรถไฟขวางอยู่ข้างหน้า สามารถเดินข้ามไปออกถนนใหญ่ สาย 41 ได้ โดยมีศาลาริมทางเป็นที่สังเกตุ  แต่ทางเข้าสถานีช่องเขาต้องเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้านี้   ทางเล็กจนคิดว่า จะหาที่กลับรถไม่ได้ จอดรถไว้ตรงนี้แล้วเดินเข้าไปดีกว่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:40:29

ความคิดเห็นที่ 7 ติดตามขบวนนี้อยู่นะคับ จากคุณ : รูปงามน้ำใจดี เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:40:47

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ คุณDA-4 : ขอบคุณมากครับ ที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนที่แล้วให้กิฟท์ตั้งแต่ต้นกระทู้เลย..อิอิ ผมเดินไปที่รางรถไฟ เพื่อจะได้ประมาณระยะทางว่า สถานีช่องเขาอยู่ไกลแค่ไหน มองไปทางซ้ายพบว่าอยู่ไม่ไกลแค่ประมาณ 100 เมตรเอง  มองไปทางขวาเป็นทางโค้ง ไปจุดตัดถนนในภาพบน คห.4 นั่นเอง โดยสังเกตุเห็นประแจรวมรางอยู่ไม่ไกลนัก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:46:48

ความคิดเห็นที่ 9 ตามมาชมรางด้วยคนครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:58:14

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณรูปงามน้ำใจดี : เชิญติดตามมาได้ครับ ขบวนนี้ยังเดินทางอีกยาวไกล ครับ ภาพซ้าย : จากทางเดินข้ามรางรถไฟ มองต่อไปทางถนนใหญ่ จะเห็นหลังคาศาลาริมถนนอยู่ไม่ไกล มีป้ายบอกทางเข้าสถานีอยู่ใกล้ๆ (ที่ทราบ เพราะทางเข้าไปอุโมงค์ต้องไปเข้าทางนั้น) ภาพขวา : มองกลับมายังรถที่จอดรออยู่ ตรงปากทางเข้าสถานีช่องเขา ดูลึกลับน่าดู ต้องสอบถามชาวบ้านแถวนี้ถึงจะทราบครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 11:58:56

ความคิดเห็นที่ 11 มาลงนั่งรอชม จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 12:03:14

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : แหม..แซวกันได้ว่า ผมพามาดูราง..ฮิฮิ  การจะไปอุโมงค์ก็ต้องไปตามราง ไปสถานีก็ต้องเห็นรางครับ  จะว่าไปแล้ว ก็ดีไปอย่างที่ มีรางนำไปไม่ให้หลง เปรียบเหมือนจะหากองไฟ ถ้าเห็นควันก็หาไม่ยาก ขอบคุณ คุณBlack Dog Forever สำหรับกิฟท์แทนคำทักทายครับ ภาพซ้าย : สภาพทางเข้าไปยังสถานีเหมือนลุยเข้าบ้านคนเลย ภาพกลาง : เดินเลยบ้านไม้สีแดง ก็จะเห็นสถานีอยู่ไม่ไกล ภาพขวา : หันกลับมามองบ้านไม้สีแดง ที่ดูน่าจะเป็นบ้านพัก จนท.รถไฟ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 12:12:16

ความคิดเห็นที่ 13 มารอรถไฟผ่านสถานีชุมทางหาดใหญ่ค่ะ ^^ จากคุณ : น้องถ้วยฟู เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 12:24:08

ความคิดเห็นที่ 14 คราวนี้คุณมิราชชมารอบเช้าแฮะ ตามไปดูด้วยคนค่ะ จากคุณ : เด็กอุดมเดช เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 12:32:52

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ คุณCK-ONliNE, น้องถ้วยฟู และคุณเด็กอุดมเดช : เชิญติดตามด้วยความยินดีครับ วันนี้ต้องเริ่มแต่เช้า จะได้มีเวลาเดินเรื่อง เนื้อหาเยอะมากครับสำหรับตอนนี้ ไปพักทานข้าว มาต่อกันครับ ผมเดินใกล้จะถึงอาคารสถานีรถไฟช่องเขาแล้ว ตัวอาคารอยู่ต่ำกว่าทางที่เข้าไป  หันกลับมาดูบ้านไม้เก่าอีกหลังด้านขวามือ น่าจะเป็นบ้านพัก จนท.รถไฟอีกหลังนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:08:53

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย : เข้ามาในอาคารสถานีทางด้านหลัง ในฝั่งที่พักผู้โดยสาร  ตรงช่องจำหน่ายตั๋วรถ มีนาฬิกาเก่าเรือนหนึ่ง ทำให้ดูคลาสสิคมาก สังเกตุดีๆ จะไม่มีเข็ม  คงใช้ประดับเฉยๆ   ภาพขวา : มองมาทางด้านหน้าสถานี ดูเป็นบรรยากาศเดิมๆ ชวนให้นึกถึงอดีตตอนเด็กๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:13:06

ความคิดเห็นที่ 17 หันกลับไปมอง ด้านที่เดินเข้ามา มีตารางเวลาขบวนรถที่จอดสถานีนี้  สังเกตุที่ผนังข้างบนมีรูปเตือนภัยติดไว้รายรอบ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:16:48

ความคิดเห็นที่ 18 ลองเข้าไปดูใกล้ๆ เก็บภาพเตือนภัยอันตรายมาให้ดูรวมๆ แบ่งเป็นติดผนังด้านหน้า(ภาพบน) ผนังด้านหลัง(ภาพล่าง)  แต่แอบสงสัยป้ายคำเตือนข้างบนรูปของผนังด้านหลัง เรื่อง "..อย่ายิงสัตว์ บนสายไฟสีดำเส้นใหญ่.." เพราะไม่ใช่สายทองแดง แต่ไม่บอกว่าเป็นสายอะไร คาดว่าเป็นสายใยแก้ว (ไฟเบอร์ออฟติค) อาจกลัวจะถูกโจรกรรมถ้าบอกไป  อ่านแล้วขำดี บอกห้ามเพราะไม่ใช่.. แต่เพราะเหตุใดก็ไม่บอก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:26:08

ความคิดเห็นที่ 19 กลับมาที่ผนังฝั่งตารางเวลาขบวนรถจอด (มีขำอีก...ที่ป้ายเขียนเป็น "เวลาเดินรถ"  เพราะรถส่วนใหญ่จะไม่จอดที่สถานีนี้ วิ่งผ่านไปเฉยๆ น่าจะเขียนว่า "แวะจอดรถส่ง" )   ด้านนี้ก็มีภาพเตือนเช่นกัน เนื่องจากมีรถจอดน้อย ตารางเวลารถของสถานีแห่งนี้เลยนำขาขึ้นมารวมกับขาล่อง ต้องดูดีๆ เพราะต้นทาง ปลายทาง ไม่ใช่ กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นรถธรรมดาสายสั้น สมัยก่อนนิยมเรียกว่า รถหวานเย็น คือต้องใจเย็นๆ เวลานั่ง เพราะจะเป็นรถที่ต้องรอหลีกให้กับรถโดยสารขบวนอื่นๆ ทุกขบวนไป ถึงแน่แต่..ช้าหน่อย..อิอิ ดังนั้น ถ้าหากใครอยากจะมาเดินเล่นสถานีแห่งนี้ จากกรุงเทพฯ ต้องมาต่อที่ สถานีชุมพรครับ  ซึ่งถ้าหากต้องการมาจากกรุงเทพฯด้วยรถธรรดา ในอารมณ์เดียวกัน(หวานเย็น) ก็ต้องขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวน  แต่ต้องค้างที่ชุมพรหนึ่งคืน! เพราะรถจะมาถึงหลังสวนตอนห้าโมงเย็น   ถ้าต้องการความต่อเนื่องต้องมาด้วยขบวนรถเร็ว 177 ธนบุรี-หลังสวน ถึงชุมพรประมาณตี 4  สามารถรอขบวน 445 ออกจากชุมพร 6 โมงเช้าครึ่งมาได้  ส่วนขากลับ ก็นั่งขบวน 446 กลับไปกรุงเทพฯ โดยลงที่ หลังสวนประมาณ 3 โมงเย็น แล้วขึ้นรถเร็วขบวน 178 ออกประมาณ 2 ทุ่มครึ่งไปกรุงเทพฯได้ (เช่นกัน ถ้าหากอยากจะนั่งรถธรรดา ขบวน 254 ต้องพัก 1 คืนรถออกจากหลังสวน ประมาณ 6 โมงเช้าครึ่ง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:57:14

ความคิดเห็นที่ 20 ระหว่างที่ถ่ายภาพอยู่ ท่านนายสถานีก็ออกมาทักทาย ด้วยไมตรียิ้มแย้ม (ผมเองก็คาดไม่ถึง เพราะปกติคนทางใต้จะผิวคล้ำ ไว้หนวด หน้าตาดูดุเข้ม) เลยขอภาพในห้องทำงานท่านไปด้วยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 13:59:42

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพขวา : ผมออกมาหน้าสถานี หันกลับไปมองอาคารสถานีฝั่งที่พักผู้โดยสารอีกที ภาพซ้าย : เสร็จแล้วก็ออกเดินไปทางซ้าย (ทิศตะวันตก ด้านรถที่จอดรออยู่) มองเข้าไปข้างหลังสถานี จะเห็นทางที่ผมเดินเข้ามา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:02:57

ความคิดเห็นที่ 22 ถัดไปอีก เจอป้ายบอกระยะทางระหว่างสถานีใกล้เคียง มีการจัดสวนหย่อมเล็กๆ ดูอลังการณ์มาก โดยเฉพาะกับสถานีเล็กๆ แห่งนี้   จากในภาพ สถานีใกล้เคียงฝั่งซ้าย ทางไป ทุ่งสง คือ สถานีใสใหญ่ ผมไม่ได้แวะดู เพราะไม่มีเวลาพอ แต่แอบสังเกตุเห็นรถไฟขบวนที่ผมถ่ายหัวขบวน ตรงสถานีทุ่งสง มาจอดรอหลีกอยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:09:49

ความคิดเห็นที่ 23 ในขณะนั้นมีรถไฟขบวนหนึ่งกำลังวิ่งผ่านสถานีพอดี ผมเลยรีบคว้ากล้องมาถ่ายแบบคลิ๊ปวิดีโอ เพื่อจะได้ภาพและเสียงเต็มอารมณ์  ท่านนายสถานีได้บอกว่าเป็นรถไป นครศรีธรรมราช ผมนึกขึ้นได้ว่าเป็นขบวนเดียวกับที่ถ่ายคลิ๊ปวิดีโอที่สถานีทุ่งสงตอนเข้าจอด นับว่าบังเอิญจริงๆ เพราะผมเสียเวลาไปเดินถ่ายภาพตรงทางข้ามรางหน้าสวนสาธารณะเฉลิมเพระเกียรติฯ ทุ่งสง และเดินเข้ามายังสถานีช่องเขา แล้วรถขบวนนี้ดันมาพอดีกัน  พขร.เห็นผมคงจำได้ ตอนที่เดินไปถ่ายหัวขบวน คงนึกประหลาดใจว่า เจ้าหมอนี่คนเดิมอีกแล้ว....อิอิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:17:58

ความคิดเห็นที่ 24 รถไฟไปแล้ว ก็ออกเดินต่อไปทางทิศตะวันตกเพื่อไปดูป้ายชื่อสถานี อันถือเป็นป้ายประเพณีที่มาเที่ยวสถานีต้องมีภาพนี้ด้วย ภาพใหญ่ : ผมเดินเลยชานชาลาไปเล็งกลับมา เพื่อให้มีภาพสถานีเต็มๆ ภาพเล็ก : เดินเลยไปอีกนิดก็เห็นด้านหน้าบ้านไม้เก่า หลังแรกที่เห็นตอนเดินเข้ามาในภาพคห.12 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:22:29

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเดินกลับมาทางหน้าสถานี เพื่อจะไปถ่ายภาพป้ายชื่อสถานีฝั่งตะวันออกบ้าง เลยถ่ายภาพหน้าตรงอาคารสถานีมา 1 รูป   สังเกตุดู ด้านขวามือของภาพ มีบ้านพักอยู่อีกหลัง น่าจะเป็นบ้านพักของ จนท.สถานีปัจจุบัน ที่สภาพไม่เก่าร้างเหมือน 2 หลังที่ผ่านมา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:25:47

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพซ้าย : เดินต่อไปทางทิศตะวันออก มองเข้าไปที่อาคารสถานี ฝั่งนี้มีห้องเล็กๆ น่าจะเป็นห้องพักนายสถานี เพราะตรงกลางเป็นห้องทำงานและควบคุมประแจราง ภาพขวา : มองไปทางทิศตะวันออกต่อไป เห็นป้ายชื่อสถานีอยู่ไม่ไกล พอมีเวลาเดินไปถ่ายภาพได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:28:13

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพซ้าย : กำลังผ่านป้ายบอกระยะทางระหว่างสถานีใกล้เคียงอีกอัน ป้ายนี้จัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ภาพขวา : มาถึงป้ายประเพณีอีกด้านแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:30:38

ความคิดเห็นที่ 28 เดินเลยป้ายไปเก็บภาพสถานีย้อนเข้ามา ได้ภาพที่ผมชอบจนนำไปเป็นภาพพื้นหลังเปิดกระทู้ครับ  สิ่งที่ทำให้ผมชอบก็คือต้นมะพร้าวครับ ดูเหมือนเป็นสถานีที่เกาะสมุยไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:33:22

ความคิดเห็นที่ 29 มองเลยชานชาลาสถานีไปทางทิศตะวันออก ที่มุ่งไปสู่อุโมงค์ช่องเขา ดูท่าจะไกล เดินจากจุดนี้ไปไม่ได้แน่นอน ต้องไปหาทางเข้าข้างหน้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:35:06

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพซ้าย : ลงไปเดินในราง สะดุดตากองโซ่..เอ๊ย..เหล็กยึดราง มากมาย คงหมดสภาพแล้ว รอนำกลับไปชั่งกิโลขายนะครับ ภาพขวา : หันกลับไปมองสถานีอีกครั้ง ก่อนเดินกลับไปยังรถ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:39:28

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพบน : ผมขับรถกลับออกมาถึงปากทางเข้า พอดีมีรถไฟกำลังมาจาก ทุ่งสง เนื่องจากรถเสียเวลา 2 ขบวน ตอนที่ผมไปสถานีทุ่งสง เลยทำให้คาดเดายากว่าเป็นรถขบวนนี้หมายเลขใด  (ถ้าให้ประเมินดู ก็น่าจะเป็นรถธรรมดา 445 ชุมพร-หาดใหญ่ ที่เข้าจอดสถานีช่องเขาประมาณเที่ยงครึ่ง ในขณะที่เวลาตอนนั้นคือ บ่ายโมงเล็กน้อย) ภาพล่าง : ผมข้ามทางรถไฟ และเลี้ยวเข้าถนนใหญ่สาย 41 มาได้เล็กน้อยก็สังเกตุเห็นศาลาริมทางนึกว่าเป็นศาลาเดียวกับในภาพซ้าย คห.10 ที่เข้ามายังสถานีรถไฟช่องเขาได้ แต่พอลงรถไปดูให้ชัด พบว่าไม่ใช่ เป็นทางเข้าวัดจำปาวราราม   มองไปที่ป้ายบอกระยะทาง อ.หาดใหญ่ เหลือแค่ 167 กม. ไม่ไกลแล้ว... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:49:47

ความคิดเห็นที่ 32 ตรงศาลาทางเข้าวัดจำปาวรารามนี้ มองกลับไปทางทุ่งสง จะเห็นทางแยกไป ถนน 403 อยู่ไม่ไกล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:51:59

ความคิดเห็นที่ 33 เลยไปอีกเล็กน้อย ก็ถึงศาลาทางเข้าสถานีช่องเขาแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:53:41

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพขวา : ลงรถเดินไปถ่ายภาพทางเข้าก่อน เพื่อเป็นประโยชน์ในการตามรอยของเพื่อนๆ พบป้ายเล็ก บอกทางไปสถานีช่องเขา อีก 100 เมตร   มีถนนเล็กๆ อ้อมหลังป้ายเลียบรางไปสู่อุโมงค์ช่องเขา  แต่ทางเข้าสถานีเป็นช่องเล็กๆระหว่างต้นไม้ น่าจะปักป้ายตรงช่องเล็กๆ นั้นมากกว่า เพราะคนอาจเข้าใจผิด เลี้ยวขวาไปตามถนนได้ ภาพซ้าย : เดินไปถึงช่องทางเข้าสถานี เล็กๆนั้น มองเข้าไปเห็นรางรถไฟและจุดเดินข้ามรางอยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นจุดที่ผมเคยไปยืนถ่ายภาพย้อนมาทางนี้(แสดงในภาพซ้าย คห.10) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:58:32

ความคิดเห็นที่ 35 ผมลองเดินเลยทางเข้าไปชะโงกดูสถานีช่องเขาอีกครั้ง จากเนินถนนเส้นเล็กๆ นี้   ต้นหมากบนนี้หนาแน่น บดบังอาคารสถานีจนเกือบมองไม่เห็นนะครับ (แต่พอมองเห็นป้ายชื่อสถานีด้านทิศตะวันตก ได้บ้างเล็กน้อย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:01:19

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพบน-กลาง :เนื่องจากแผนที่  GPS Map ที่ผมมีนั้น ไม่มีข้อมูลถนนเส้นนี้ และตำแหน่งของอุโมงค์ เลยต้องลุ้นกันว่า ถนนเส้นนี้จะพาผมไปใกล้กับปากอุโมงค์ช่องเขาได้แค่ไหน  แต่บรรยากาศสองข้างทางนี้ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ ภาพล่าง : ถนนค่อยๆ ลาดลงมาใกล้เคียงระดับรางรถไฟ สังเกตุเห็นเสาสัญญาณไฟ 2 ต้นคู่ คิดว่าคงใกล้จะถึงปากอุโมงค์แล้ว... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:41:04

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพบน : เจอป้ายตัวอักษร "ว" ที่กำหนดให้ พขร.เปิดหวูด (หวีด) รถไฟเตือนให้ ผู้คน(และสัตว์) บริเวณนี้ ได้ทราบ น่าจะหมายถึงว่าใกล้ปากอุโมงค์แล้ว..ตื่นเต้นๆ ภาพล่าง : ถนนมาสิ้นสุดตรงพ้นโค้งนี้เอง.... ต่อไปต้องลงเดินเท้าแล้ว ปากอุโมงค์คงไม่ไกล(ให้กำลังใจตัวเอง..ฮี่ๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:03:54

ความคิดเห็นที่ 38 จะเข้าอุโมงค์แล้ว ^^ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:07:40

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ CK-ONliNE : ใช่ครับ ตอนนั้นผมก็คิดเช่นนั้นจริงๆ ว่าน่าจะใกล้ถึงปากอุโมงค์แล้ว แต่พอลงไปเดินกลับไม่ใช่ ค่อยๆ ติดตามชมไปนะครับ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นดังคำว่า "ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล"  ผมจึงตัดสินใจเดินไปคนเดียวครับ ผมลงจากรถ ขึ้นไปเดินบนราง แล้วหันกลับมาดูรถที่จอดรออยู่  แทบไม่น่าเชื่อว่า ถนนใหญ่สาย 41 อยู่บนยอดเนินข้างบน(ภาพขวา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:12:38

ความคิดเห็นที่ 40 อยู่บนรางหันไปดูทั้งสองด้าน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:14:21

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพซ้าย : เริ่มเดินไปทางขวามือ ทิศตะวันออก มองเห็นเสาสัญญาณอยู่ลิบๆ ตรงหัวโค้งหน้านี้เอง  ทางขวามือของราง เป็นร่องน้ำป่ารก มีถนนอยู่ข้างบน ทำให้การเข้าถึงปากอุโมงค์ต้องเดินกันไกล แม้ถนนจะเลียบรางรถไฟไปตลอดก็ตาม ภาพขวา : ก้มดูที่ราง...บรื๋อยย์..มีซากงู ด้วย นับเป็นสิ่งที่เตือนแกมขู่ ถึงป่าแถวนี้ให้ระวังอันตรายจากงู ด้วย  นึกแล้วเสียวเหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:20:12

ความคิดเห็นที่ 42 รอชมอย่างใจจดจ่อจ้า จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:23:18

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพซ้าย : ถัดจากเนินดินสูงริมถนนมา มีทางเดินลงไปร่องน้ำข้างล่าง แต่มีต้นไม้ขึ้นรก น่ากลัวอันตรายจากงู (เพิ่งเห็นซากมาเมื้อกี้เอง) แอบสังเกตุเห็นตัวเลขบนเสาโทรเลข "768/4"  ตัวเลขด้านซ้ายเป็นระยะทางจาก สถานีกรุงเทพฯ(หัวลำโพง) ส่วนตัวเลขด้านขวาเป็นหมายเลขประจำเสา ที่ปักอยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 768 กับ 769 ซึ่งไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนเส้นทางภายหลัง ที่จำเป็นต้องคง ตัวเลขด้านซ้ายไว้ แล้วเพิ่มลดตัวเลขด้านขวาแทน คล้ายๆ กับ ซอยบ้านเรา ที่กำหนดไว้แล้ว พอมาเพิ่มภายหลังจะใช้ / มาเพิ่ม ไม่งั้นจะยุ่งมาก ถ้าหากต้องปรับเปลี่ยนตัวเลขด้านซ้าย กันทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนเส้นทาง ที่ต้องตามไปเปลี่ยนตัวเลข จนถึงสถานีปลายทาง สุไหงโกลก หรือ อื่นๆ  ดังนั้นตัวเลขระยะทางด้านซ้ายนั้น ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง 100% ภาพขวา : หันกลับไปดูเนินดินสูงริมถนน  นับว่าสูงจากรางมาก และเนินดินนี้เป็นสิ่งที่ขวางกั้นถนนข้างล่างให้สิ้นสุดแค่นี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 17:46:38 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:33:23

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ คุณแฮมมึน : ด้วยความยินดีครับ กำลังตอนสำคัญด้วย เชิญติดตามต่อไปครับ เปลี่ยนมาเดินรางด้านขวาดีกว่า ไม่รกเพราะเป็นรางประธานที่มีรถผ่านประจำ ข้างหน้ามีเนินสวยๆ คล้ายหินถูกตัดเฉียงๆ  ซึ่งสังเกตุดีๆ ทางด้านซ้ายก็มีลักษณะคล้ายๆกัน น่าจะเป็นเนินเขาที่ถูกตัดเป็นช่องให้รถไฟวิ่งได้ มองขึ้นไปทางขวา จะเห็นรถบรรทุกกำลังวิ่งอยู่พอดี  ถนนช่วงนี้ก็เป็นเนินสูงเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 17:40:54 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:39:26

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพบน : ผมเดินมาถึงเสาสัญญาณไฟ ที่ตั้งอยู่ในช่องเขาตัดแรก นี้แล้ว ดูสภาพแล้วน่าจะเลิกใช้ ภาพล่าง : เลยไปเป็นเป็นประแจทางร่วม มีร่องน้ำเล็กๆ ก่อนถึงประแจ ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:50:44

ความคิดเห็นที่ 46 ภาพซ้าย : เดินเลยเนินเขาติดแรกมา มองไปทางรถยนต์ ด้านขวามือ พอเห็นเสาไฟถนนบ้าง ถนนช่วงนี้ลดระดับลงมาเกือบเท่าราง ภาพขวา : หันหลังกลับไปดูเสาสัญญาณคู่ที่เดินผ่านมา อีกที จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 17:57:30

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพขวา : มาถึงหัวประแจรางร่วมแล้ว ตอนนี้อยู่ในตำแหน่ง "ทางตรง" พอสังเกตุได้จากสายตา โดยสมมติว่า มีล้อรถไฟคู่หนึ่ง (แสดงด้วยเส้นสีน้ำเงิน) กำลังหมุนผ่าน ซึ่งขอบล้อด้านในจะมีใบมีด บังคับทิศทางการหมุนของล้อไม่ให้ตกราง ซึ่งจะถูกใช้ควบคุมการเปลี่ยนรางด้วย โดยมองขอบรางด้านในเป็นหลัก(ลูกศรสีม่วง)ว่าใบมีดนี้จะผ่านไปได้ทางไหน ในรูปนี้ก็คือรางตรงด้านขวามือนั่นเอง ภาพซ้าย : หันกลับไปดู จุดร่วมรางอีกแห่งที่เพิ่งเดินผ่านมานิยมเรียกว่า ตะเข้สลับราง มีไว้เพื่อให้ล้อรถไฟสามารถผ่านรางฝั่งที่ร่วมกันไปได้โดยไม่ปีนราง ก็เพราะใบมีดล้อนี่แหละ จำต้องตัดรางออกเป็นร่อง แล้วใช้รางสั้นช่วยประกบด้านใน เพื่อ ป้องกันการสบัดเหวี่ยงตัวขณะที่ล้อผ่านรางเร็วๆ  ซึ่งตะเข้สลับรางนี้จะตายตัวไม่เปลี่ยนแปลง ล้อสามารถวิ่งผ่านได้ทั้งสองทาง ผมคิดว่า คนที่คิดสร้างประแจสับรางคนแรกได้ นี่เป็นอัจฉริยะเลย  แค่ไปยืนดูก็งงๆ เหมือนกันว่าทำงานได้อย่างไร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:14:25

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพซ้าย : ยังไม่เห็นเค้ารางปากอุโมงค์เลย (หายไปเสียเฉยๆ..) เลยต้องเดินต่อและภาวนาให้ถึงเร็วๆ   ข้างหน้าเป็นทางโค้งซ้าย มีป้ายเล็กๆ ที่พอเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเป็นป้ายสั่งให้พขร.หยุดรถเพื่อทดสอบเบรค สำหรับขบวนรถสินค้า ก่อนเข้าอุโมงค์...(ที่จริงอาจเป็นเพราะทางต่อไปจะโค้งและลาดชัน มากขึ้น ควรต้องทดสอบเบรคห้ามล้อก่อนสำหรับรถบรรทุกหนัก ภาพขวา : ใกล้จะพ้นโค้ง ก็เจอเนินเขาถูกตัดจุดที่สอง จุดนี้ดูสวยเรียบไม่มีต้นไม้รก มีแต่หญ้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:20:51

ความคิดเห็นที่ 49 ช่องเขาตัด จุดนี้นับว่ามีความสูงชัน เป็นช่องแคบๆ มากกว่าจุดแรก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเส้นทางไปอุโมงค์ห้วยแม่ลานที่ทางภาคเหนือโน้นเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:23:36

ความคิดเห็นที่ 50 และจุดนี้เอง เคยมีอุบัติเหตุรถไฟตกราง เป็นรถดีเซลรางสปรินท์เตอร์ ขบวนที่ 41 กรุงเทพฯ - ยะลา แต่โชคดีที่ตกอยู่ในช่องเขาตู้โบกี้เลยพิงเข้ากับเนินเขาหินตัดด้านจุดนี้พอดี เลยไม่ตกเหวลงไปข้างล่าง วันที่ 14 ธค. พ.ศ.2553 เปรียบเทียบกับภาพที่ผมถ่ายมาในรูปขวา (นับเป็นความบังเอิญ เพราะผมเองก็ไม่ทราบว่าเคยมีอุบัติเหตุตรงจุดนี้มาก่อน) นับเป็นโชคดีชั้นสองคือ ไม่มีคนบาดเจ็บหนัก หรือเสียชีวิตใดๆ เพียงแต่เสียเวลาต้องกู้รถเท่านั้น รายละเอียดตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175745 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:31:15

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพซ้าย : ผมเดินผ่านช่องเขาตัดจุด 2 นี้มาเล็กน้อยก็หันกลับไปเก็บภาพอีกครั้ง พอวาดแนวเขาเดิมได้ เพราะด้านภูเขานั้นสูงชันมาก ภาพขวา : หันหน้าเดินต่อไปข้างหน้า เห็นป้ายเตือนเล็กๆ อยู่ไม่ไกล มีหน้าผาสูงอีกแล้วอยู่ข้างหน้า  ด้านขวามือเป็นทางเล็กๆ ลงไปข้างล่าง อาจลัดไปขึ้นถนนใหญ่ สาย 41 ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:34:59

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพขวา : ตรงทางเล็กๆ ข้างรางรถไฟนี้ ผมมองตามลงไป เป็นป่ารกทึบ ดูแล้วไม่น่าลุยเข้าไป เพื่อออกถนนใหญ่ อาจเจอกับงู สัตว์มีพิษได้ อาจเป็นแค่ทางลงไปยังร่องน้ำข้างล่างเท่านั้น ภาพซ้าย : หันมองอีกฝั่งของราง ก็มีทางขึ้นไปในป่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:38:40

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพบน : ทางขวามือ มองไปทางถนนใหญ่ สาย 41 ข้างๆ เห็นมีเนินเขาสูงถูกตัดออกเพื่อขยายพื้นที่ริมถนนออกไป เพื่อป้องกันดินถล่ม ภาพล่าง : เดินต่อไป ข้างหน้ามีทางลักข้าม... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:42:10

ความคิดเห็นที่ 54 ทางลักข้ามนี้ น่าจะออกไปยังถนนใหญ่ได้ เพราะเห็นมีรถมอเตอร์ไซด์มาจอดอยู่...ช็อคครับ ขนาดรถยังเข้ามาได้ ถ้ารู้ทางเข้า ก็จะประหยัดการเดินไปได้กว่าครึ่งกิโล แต่...ก็จะไม่ได้เห็นเนินเขาตัด 2 จุดที่ผ่านมาด้วยครับ  สังเกตุดีๆ ในภาพซ้าย มีจานดาวเทียมสีดำด้วย แสดงว่าแถวนี้ต้องมีบ้านคนอยู่ ไม่ใช่ป่าเปลี่ยวแต่อย่างใด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:46:18

ความคิดเห็นที่ 55 ภาพซ้าย : เดินต่อไปอีกเล็กน้อย ก็ถึงเสา "เขตต์สับเปลี่ยน" เนื่องจากขบวนรถไฟสายใต้นี้ยาวมาก เสานี้จึงอยู่ห่างจากตัวสถานีช่องเขาไกลเป็นกิโลเมตรเลย ถัดไปไม่ไกลมีช่องเขาตัดอีกแห่ง นับเป็นจุดที่ 3 และจุดสุดท้ายก่อนเข้าอุโมงค์ ภาพขวา : หันกลับไปมองทางข้างหลังที่เดินมา เลยได้ทราบว่าป้ายขาวๆ ในรูปขวา คห.51 นั้นคือป้าย "ว"  เพื่อให้คน(หรือสัตว์) ที่อยู่ในช่องเขาตัดที่สองได้ทราบล่วงหน้าว่ากำลังมีรถไฟมา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:52:03

ความคิดเห็นที่ 56 ถัดจากเสาเขตต์สับเปลี่ยน หันไปดูถนนใหญ่ด้านข้างอีกครั้ง พบว่าถนนช่วงนี้อยู่ต่ำกว่าระดับรางรถไฟ จึงมองเห็นรถยนต์ขนาดเล็กวิ่งได้ชัดเจน สังเกตุดีๆ ด้านซ้ายของรูปซ้าย มีช่องเล็กๆ เว้นไว้ที่ขอบถนน คาดว่าเป็นทางเข้ามายังรางรถไฟนี้ได้ แต่ปัญหาคือ รถยนต์สามารถไปจอดรอตรงนั้นได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ เพราะดูเป็นทางลาดลง แถมไม่มีร่มเงาบังแดดใดๆ ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:59:40

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมเดินเข้ามาใกล้ ช่องเขาตัดจุดที่ 3 แล้ว ตัดได้ตรงดิ่งเหมือนซุ้มประตูเลย ภาพกลาง : ตรงนี้เป็นร่องน้ำ มองไปทางขวา คงไหลลงไปในเหวข้างล่าง ภาพขวา : หันมองกลับไปข้างหลัง ก็คือ จุดที่มองเห็นถนนได้ชัดเจนที่สุด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:04:00

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาใกล้ช่องเขาตัดจุดที่ 3 ขอเก็บภาพชัดๆ ไว้สักภาพ จะถือว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ก็ยังได้ครับ  คาดว่าเป็นหินแข็ง จึงสามารถตัดได้ตรงๆ ไม่ต้องกลัวถล่มเหมือน สองจุดที่ผ่านมา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:05:43

ความคิดเห็นที่ 59 ช่องเขาตัดจุดนี้ มีร่มให้พักหลบแดดได้ด้วย   หรือเป็นเพราะว่าแถวนี้มีการตัดเขาเป็นช่องให้รถไฟผ่าน จึงนิยมเรียกหมู่บ้านแถบนี้ว่า "บ้านช่องเขา" กันนะครับ ใครทราบก็มาเพิ่มเติมได้ เพราะผมลองค้นหาดูในกูเกิ้ลแล้วไม่พบที่มาของคำว่า ช่องเขา ครับ  (อิอิ..อย่าเผลอ พูดว่า เขาช่อง นะครับ เพราะนั่นเป็นยี่ห้อกาแฟ อันมีที่มาจาก วน.อุทยานช่องเขา ต.กระช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:18:48

ความคิดเห็นที่ 60 เดินเลยช่องเขาจุดที่ 3 ไปแล้ว รางข้างหน้ามีต้นไม้ขึ้นแซมดูสวย แต่รู้สึกกลัวงู เหมือนกัน มองไปทางขวา พอมีช่องมองเห็นถนนด้านข้าง ซึ่งนับเป็นจุดสุดท้ายที่จะเห็นถนน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:34:28

ความคิดเห็นที่ 61 หันกลับไปมอง ช่องเขาตัดจุดที่ 3 อีกครั้ง ภาพนี้ดูมีมิติลึกเข้าไปข้างในเลย ดูๆ ไปคล้ายกับคุณหมิงเมืองไทยเล็กๆ เหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:39:01

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาชมเส้นทางรถไฟครับบ......... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:44:41

ความคิดเห็นที่ 63 ถัดมาอีกเล็กน้อยก็พบเสาสัญญาณอีกแห่ง  เห็นตัวเลขข้างล่างพอจำได้ว่า เป็นความเร็วที่ขบวนรถไฟต้องปรับลดลงก่อนเข้าประแจแยกราง 45 คือไปตรงเร็วได้ไม่เกิน 45 กม./ชม. 30 คือ เลี้ยวขวาเข้ารางหลีก เร็วได้ไม่เกิน 30 กม./ชม. ที่แปลกคือมีหลอดไฟ 3 หลอดเรียงรูปสามเหลี่ยมเพิ่มเข้ามาด้วยใครพอทราบ ก็เข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:45:15

ความคิดเห็นที่ 64 สวัสดีครับ คุณสายลมแห่งวิงค์ : ด้วยความยินดีครับ กำลังอยู่ในเส้นทางไปสู่อุโมงค์พอดี เชิญติดตามชมต่อได้ครับ ระหว่างนั้น พอดีมีรถไฟผ่านมา เป็นขบวน 448 รถธรรมดา สุไหงโกลก - สุราษฎร์ธานี เลยได้คลิ๊ปวิดีโอมาให้ชมกัน รถวิ่งเร็วมาก แม้จะเป็นรถธรรมดา เล่นเอามือสั่น โชคดีที่เว็บยูทูปมีโปรแกรมช่วย ดูแล้วไม่เวียนหัว ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:54:06

ความคิดเห็นที่ 65 ภาพซ้าย : มาเดินกันต่อ...ก้มลงดูไม้หมอน บางช่วงยังเป็นไม้แบบดั้งเดิม พอมีต้นไม้ขึ้นแซมเลยดูคล้ายกับกระบะเพาะกล้าไม้ ภาพขวา : หันหลังกลับไปดูอีกที ช่วงนี้ข้างทางเป็นเหวตลอดแนว ไม่ลึกแต่เวิ้งว้างไร้ที่พึ่งพิงเลย  แถมตรงนี้ยังมีไม้หมอนชำรุดอยู่ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:58:08

ความคิดเห็นที่ 66 ข้างหน้าเป็นโค้งซ้าย มีเนินเล็กๆ อยู่ด้านขวา อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของหน้าผาด้านซ้าย แต่เล็กจนผมไม่จัดให้เป็นช่องเขาตัดอีกจุดหนึ่งได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:01:20

ความคิดเห็นที่ 67 พ้นโค้งมานึกว่าจะเห็นปากอุโมงค์แล้ว... กลายเป็นทางตรงไกลลิบอีก..เฮ้อ..เมื่อใดจะถึงนะ เดินไปครึ่งทางตรง มีป้าย "ว" ให้พขร.เปิดหวูดอีกแล้ว คิดเข้าข้างตัวเองว่า น่าจะใกล้ถึงปากอุโมงค์แล้ว  ปลายสุดทางตรงเป็นโค้งขวา มีป้ายเล็กๆ หันหลังให้อยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:03:57

ความคิดเห็นที่ 68 ภาพซ้าย : เดินมาถึงป้ายเตือนเล็กๆ แล้ว หันกลับไปดู มีตัวอักษร "ต 50"  ไม่ทราบเหมือนกันว่า หมายความว่าอะไร ถ้าให้เดาก็น่าจะหมายถึงควบคุมความเร็วขบวนรถไม่เกิน 50 กม./ชม. สำหรับรถบางประเภท แต่ก็นึกไม่ออกว่า ตัวอักษร "ต" แทนอะไร ภาพขวา : ข้างหน้าดูเหมือนจะเป็นช่องเขาตัดอีกแห่ง แต่มองไม่ชัดเพราะมีต้นไม้ขึ้นรก พ้นโค้งข้างหน้านี้อาจเห็นปากอุโมงค์แล้วก็ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:09:19

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพซ้าย : พ้นโค้งขวาแล้ว หันกลับไปดูข้างหลังอีกที (อาจเจอมุมมองสวยๆ) ภาพขวา : หันกลับไปดูข้างหน้า เป็นทางตรงอีกแล้ว โอ..ไกลเกินคาดจริงๆ  ถึงว่าซี กลับมาบ้าน หัวเข่าผมเจ็บแปร๊บไม่หายสนิทตอนก้าวขึ้นบันไดจนถึงวันนี้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:13:14

ความคิดเห็นที่ 70 ภาพซ้าย : สุดทางตรงข้างหน้าเป็นโค้งซ้าย.... ภาพขวา : เดินมาถึงโค้งนี้แล้ว เป็นโค้งลับตา ลุ้น...ปากอุโมงค์ว่าจะซ่อนอยู่ข้างหลังหรือไม่...ลุ้น! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:15:51

ความคิดเห็นที่ 71 ผมใช้กล้องซูมดึงภาพ ลุ้นปากอุโมงค์เข้ามาใกล้ๆ จะเริ่มสังเกตุเห็นกำแพงหน้าอุโมงค์ก่อน เดินเข้าไปอีกนิด ค่อยๆลุ้น...ด้วยความตื่นเต้น.... แหม..ดูคล้ายกับกำแพงเมืองเลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:19:37

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพกลาง : เริ่มมองเห็นปากอุโมงค์แล้ว...  ภาพนี้คือระยะจริงที่มอง ยังอีกไกลนะครับ ภาพซ้าย-ขวา : ตรงนี้มีทางเดินผ่านรางด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:21:54

ความคิดเห็นที่ 73 ภาพซ้าย : ยังไม่ถึงปากอุโมงค์ ขอเล็งจากระยะไกล เทียบกับราง เป็นภาพเชิงศิลป์หน่อย ภาพกลาง : เกือบเห็นปากอุโมงค์ครบแล้ว ภาพขวา : หันหลังกลับไปดูรางที่เดินผ่านมา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:24:11

ความคิดเห็นที่ 74 มองขึ้นไปข้างบนเหนืออุโมงค์ มีเนินเขาดูไม่สูงนัก แต่เป็นป่ารกทึบน่ากลัวเหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:25:59

ความคิดเห็นที่ 75 ลองเก็บภาพหน้าตาตัวเองไว้เป็นที่ระลึกบ้าง  ไม่ง่ายเหมือนกันที่จะประมาณให้เห็นปากอุโมงค์และหน้าผมพร้อมๆกันได้ดี ก็เพราะไปคนเดียว กล้องไม่มีจอภาพด้านหน้าด้วย.. จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:27:51

ความคิดเห็นที่ 76 รอเข้าอุโมงค์   จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:28:23

ความคิดเห็นที่ 77 เอาภาพชัดๆ เต็มๆ ปากอุโมงค์ช่องเขาด้านทิศตะวันตก ที่มาจากทุ่งสงให้ชมกัน เผื่อใครจะเซฟเก็บไว้ เพราะอุโมงค์แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมาถ่ายภาพกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:29:20

ความคิดเห็นที่ 78 คุณLow Batt : ใจเย็นๆ ครับ ก่อนเข้าอุโมงค์ก็ต้องสำรวจรอบๆก่อน เพราะในอุโมงค์มีแต่ความมืด... บรื๋อยย์...ครับ ตรงหน้าอุโมงค์นี้ ลองเก็บภาพ 3 ด้านใกล้ๆ ก่อน ภาพบน : มีตัวอักษรระบุปีพ.ศ.ที่สร้างอุโมงค์นี้ คือ พ.ศ.2457 สร้างทีหลังอุโมงค์ห้วยแม่ลาน ที่ผมเคยไป เพราะสร้างในปีพ.ศ.2455 (ปีนี้ครบ 100 ปีพอดี)  ส่วนอุโมงค์อื่นๆ พอหาข้อมูลปีที่สร้างได้เช่น อุโมงค์ปางตูบขอบ พ.ศ.2452 อุโมงค์เขาพลึง พ.ศ.2453 อุโมงค์ขุนตาน พ.ศ.2465 อุโมงค์เขาพังเหย พ.ศ.2509 อุโมงค์พระพุทธฉาย พ.ศ.2538 เรียงลำดับแล้ว อุโมงค์แห่งนี้สร้างเสร็จเป็นอันดับที่ 4 เพราะทางอุโมงค์รถไฟสายเหนือสร้างก่อนสายใต้ มาแค่ อุโมงค์ห้วยแม่ลาน แล้วหยุดไปสร้างสายใต้ จนเสร็จก็กลับมาสร้างอุโมงค์ขุนตานต่อ ภาพซ้าย-ขวา :  ผนังอุโมงค์มีความลาดเอียง มีสายไฟร้อยลอดอุโมงค์เข้าไปทางด้านขวามือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:20:53

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพซ้าย : ผนังด้านหน้าอุโมงค์ฝั่งขวามีบันไดขึ้นไปข้างบนด้วย เดี๋ยวต้อง(ซน)ขึ้นไปสำรวจดูว่ามีอะไรน่าสนใจ และมุมมองจากข้างบนลงมาเป็นอย่างไร ภาพขวา : ถัดออกมาเป็นจุดพักสายไฟก่อนเข้าอุโมงค์ สังเกตุเห็นป้ายตัวเลข "1800" ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีความหมายอะไร ใครทราบพอเข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:24:07

ความคิดเห็นที่ 80 ว่าแล้วก็ปีนบันไดขึ้นไปข้างบน สูงชันพอควร แต่ข้างบันไดดูรกเหมือนกัน ต้องระวังงูกันด้วย มาคนเดียวไกลๆ แบบนี้คงไม่รอดกลับออกไปแน่... สุดบันไดข้างบนเป็นร่องระบายน้ำมาจากบนเขา พาดเหนือกำแพงอุโมงค์ไปฝั่งตรงข้าม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:26:31

ความคิดเห็นที่ 81 มองกลับลงมายังรางที่ปากอุโมงค์ข้างล่าง ต้นไม้บังพอสมควร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:27:46

ความคิดเห็นที่ 82 ก้าวลงบันไดมาเล็กน้อย พอจะเห็นรางโค้งสุดท้ายก่อนเข้าอุโมงค์ชัดๆ หน่อย แต่พอก้มดูข้างล่าง รู้สึกเสียวๆ จะลื่นตกลงมาเหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:29:32

ความคิดเห็นที่ 83 ลงมาข้างล่าง แล้วก็เข้าอุโมงค์ทันที แม้จะเข้าไปไม่ลึก แต่ก็ไม่พลาดมุมมองออกจากอุโมงค์ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:34:02

ความคิดเห็นที่ 84 ที่ผนังอุโมงค์ทั้งสองด้านมีการเขียนข้อความ ตัวเลขบันทึกไว้ ที่น่าสนใจก็คือ "ระวังแผ่นเหล็กหล่น" ซึ่งตอนที่ผมเข้าไป ก็ยังไม่เข้าใจ จนมาจัดเตรียมภาพก่อนตั้งกระทู้ จึงได้ทราบว่า มีการใส่แผ่นเหล็กบนเพดานอุโมงค์ อาจเพื่อป้องกันเศษก้อนหินตกลงมาขณะรถไฟวิ่ง แต่เคยมีแผ่นเหล็กที่ยึดหลุดหล่นลงมาโดนรถไฟเหมือนกัน เลยมีคำเตือนแบบไม่เป็นทางการอย่างที่เห็นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:39:36

ความคิดเห็นที่ 85 เนื่องจากผมไม่ทราบมาก่อนว่าบนเพดานมีแผ่นเหล็กอยู่ จึงไม่ได้เน้นถ่ายภาพข้างบนหัว และด้วยความมืดรวมกับความตื่นเต้นผสมกับเวลาจำกัดเลยไม่ได้ทันสังเกตุว่าบนหัวมีแผ่นเหล็กโค้งอยู่  แต่โชคดีที่มีการถ่ายโดยบังเอิญ เมื่อเดินเข้ามาอีกทาง (จะนำเสนอในตอนหน้า) เลยขอนำภาพนั้นมากลับด้านให้ชมกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:42:13

ความคิดเห็นที่ 86 ก่อนออกไป ขอสรุปเส้นทางเข้าสู่อุโมงค์ช่องเขา ด้านทิศตะวันตก ให้ดูกัน ตามแผนที่ข้างล่างนี้ครับ รวมระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร  เดินไปกลับรวมเป็น 3.4 กิโลเมตรใช้เวลาเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง สำรวจปากอุโมงค์ 10 นาที แล้วเดินกลับออกมาอีกครึ่งชั่วโมง รวมแล้ว 1 ชั่วโมง 10 นาที  นับเป็นทางเดินช่วงแรก ก่อนจะขึ้นรถไปหาทางเข้ามาที่ปลายอุโมงค์อีกด้าน ซึ่งจะเป็นทางเดินช่วงสองต่อไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:48:32

ความคิดเห็นที่ 87 ผมเริ่มเดินกลับแล้วครับ ชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:49:38

ความคิดเห็นที่ 88 ย้อนเส้นทางกลับมาถึง ช่องเขาตัดจุดที่ 3  ผ่านเสาเขตต์สับเปลี่ยน มาถึงจุดจอดรถแล้ว  ขอจบตอนที่ 3 ก่อนนะครับ ตอนหน้าจะพาเข้ามาชมอุโมงค์ช่องเขาอีกด้าน ว่าเป็นอย่างไร เกริ่นๆ ว่าเป็นป่าทึบ ช่องเขาสูงกว่านี้ เสร็จแล้วจะพาไปชมสถานีรถไฟชุมทางเขาชุมทอง ที่เรารู้จักกันคุ้นหูจากเพลงเก่าของ คุณระพิน ภูไท ครับ วันนี้พอมีเวลา เลยลุยรวดเดียวจบกระทู้  คอยติดตามชมตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:57:51